คุณกำลังโดน Nomophobia เล่นงานอยู่หรือเปล่า?

BY Poy T.

  • 09 เมษายน 2563
  • 7,297

โลกของพวกเราเดี๋ยวนี้หลับตาตื่นขึ้นมาอีกวันก็มีเรื่องราวใหม่ ๆ เกิดขึ้นเร็วจนบางทีเราก็ตามกันแทบไม่ทันอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะเรื่องของ “โรค” ที่นับวันยิ่งมีโรคแปลก ๆ ขึ้นมาให้เราต้องหันมาสนใจดูแลตัวเองกันเป็นการใหญ่


วันนี้เราเลยเลือกหยิบโรคที่น่าจะใกล้ตัวทุกคนมากที่สุดมาฝากกัน นั่นก็คือ Nomophobia นั่นเอง 

 

แล้ว Nomophobia มันคือโรคอะไรกัน ?
เป็นการผสมผสานคำมาจาก NO MObile PHone PhoBIA หรือจะแปลกันแบบง่าย ๆ ก็คือโรคกลัวการขาดโทรศัพท์นั่นเองซึ่งทุกวันนี้ปฏิเสธยากจริง ๆ ว่าโทรศัพท์ของพวกเราใกล้จะคล้ายกับอวัยวะส่วนที่ 33 มากขึ้นทุกทีเพราะอะไรก็ดันเข้าไปอยู่ในเครื่องที่พกพาง่ายเครื่องนี้ไปเสียหมดจนบางทีพวกเราก็ติดกันจนไม่รู้ตัว


แต่ถ้าแค่ติดเฉย ๆ มันอาจไม่ได้น่ากลัวจนต้องมาพูดถึงกันนัก แต่มันมีผลเสียและข้อควรระวังเกี่ยวกับโรคและอาการนี้อยู่มากพอสมควร วันนี้เราจะพาคุณมาขยายให้ชัด ๆ แล้วถ้าคุณเริ่มสังเกตว่าตัวเองอาจเข้าข่ายเราก็อยากให้คุณหาวิธีเอาชนะมันไปพร้อม ๆ กันเลยดีกว่า

 

 

อาการมันเป็นอย่างไรมาเช็คกันก่อน
- คุณกังวลจนมีอาการใกล้ ๆ กับกระวนกระวายเมื่อรู้ตัวว่าโทรศัพท์เพื่อนซี้ไม่ได้อยู่ใกล้ตัวหรืออาจจะกำลังต้องงดใช้

- วัน ๆ หนึ่งคุณเช็คการแจ้งเตือนในแอพฯ นั้นและแอพฯ นี้บ่อย…บ่อยของเราของตีไปที่เกินชั่วโมงละ 4 ครั้งนะคะ…แถมการเช็คของคุณบางครั้งมันคือการเช็คแบบไม่มีเหตุผลไม่ใช่ธุระหรือการงานสำคัญคุณเพียงอยากหยิบมาขึ้นมาเท่านั้น
- เสียงเตือนดัง…สมาธิและสติของคุณจะพุ่งไปที่โทรศัพท์ในทันที
- เจอหน้าจอก่อนหน้าใครทุกเช้าและบอกลากันเป็นสิ่งสุดท้ายของทุกคืน
- คุณเริ่มเข้าสังคมไม่สนุก เริ่มเจอปัญหา ลามไปจนมีปัญหาในเรื่องของมนุษย์สัมพันธ์ชัดขึ้นเรื่อย ๆ

นี่เป็นเพียง Check List คร่าว ๆ คุณให้ตัวเองเข้าข่าย Nomophobia ไปทั้งหมดกี่ข้อคะ…ถ้าเริ่มเกิน 3 ใน 5 ข้อนี้ถึงเวลาที่คุณต้องปฏิวัติตัวเองกันแล้ว

 

 

ถ้าปล่อยไว้ Nomophobia จะทำร้ายคุณอย่างไรบ้าง ?
- อย่างแรกการโฟกัสแค่กับหน้าจอจะทำให้คุณเริ่มขาดหายจากการสนใจและใส่ใจสิ่งรอบตัวหลัก ๆ แล้วก็คือเรื่องของความสัมพันธ์และการดูแลความรู้สึกของคนรอบตัว

- เมื่อคุณเริ่มติดโทรศัพท์และมันเริ่มส่งผลถึงความสัมพันธ์รอบตัวมันก็จะเริ่มส่งผลให้การขาดโทรศัพท์ทำให้คุณกระวนกระวายเหมือนกับกำลังจะขาดคนสำคัญในชีวิตไปอย่างไรอย่างนั้น
- คุณจะมีข้อแม้ในชีวิตมากขึ้นเพราะคุณต้องการอยู่ในที่ที่มีสัญญาณให้โทรศัพท์หรือมีปลั๊กให้ชาร์จแบตเตอรี่อยู่ตลอด…ทำให้การเดินทาง การไปปาร์ตี้ หรือการประชุมรวมไปทั้งการเรียนอาจไม่ได้รับความสนใจที่เพียงพอจากคุณเพราะคุณกลัวการขาดการติดต่อ
- มันอาจลามมาจนถึงทำให้คุณนอนไม่หลับ…สะดุ้งตื่นขึ้นมาเพื่อเช็คโทรศัพท์อยู่เสมอและยิ่งนานวันไปการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอรวมทั้งความกังวลทั้งหลายจะค่อย ๆ ทำร้ายจิตใจของคุณอย่างช้า ๆ และคุณอาจมีแนวโน้มเสี่ยงในการเป็นโรคซึมเศร้าได้

 

 

มาแก้กันเลยดีกว่า! 

- ให้ CBT หรือ Cognitive Behavioral Therapy ช่วยก็ได้…เพราะนี่คือขั้นตอนการบำบัดความคิดและพฤติกรรมอย่างเป็นขั้นเป็นตอนและคุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับการจัดการความรู้สึกด้านลบของตัวเองและจะเป็นผลดีในระยะยาวกับคุณด้วย

- ใช้วิธีแบบExposure Therapy หรือการเผชิญหน้ากับสิ่งที่กลัวเข้ามาช่วยคุณก็ใช้โทรศัพท์แบบเดิมเพียงแต่ค่อย ๆ กำหนดเวลาให้ลดลงพยายามใช้ในแบบ Offline ให้มากขึ้นถ้ายังไม่มั่นใจคุณสามารถไปปรึกษาจิตแพทย์ในเรื่องนี้ได้

- ตอนนอนให้ปิดโทรศัพท์ของคุณไปเลยเสียดีกว่าหรือถ้าต้องตั้งปลุกก็ให้วางไว้ไกล ๆ ไกลเกินกว่าจะเอื้อมไปหยิบมาเล่นได้
- ลองห่างจากโทรศัพท์เป็นระยะเวลาสั้น ๆ เช่น เดินไปมินิมาร์ทแล้วทิ้งโทรศัพท์ไว้ในห้อง ตอนกินข้าวเอาโทรศัพท์ไปวางไกลมือ ลองปรับตามไลฟ์สไตล์ของคุณกันดู มันน่าจะกลายเป็นกิจกรรมสร้างสรรค์ได้เหมือนกัน
- หาเวลาปาร์ตี้กับเพื่อน ๆ ที่เจอหน้ากันจริง ๆ ไม่ใช่ผ่านหน้าจอแล้วการพบปะนั้นจะดีมากถ้ามีกติกาห้ามหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น
- ถ้ารู้สึกไม่มีอะไรทำให้มองสิ่งรอบตัวก่อนแล้วค่อย ๆ คิดตามว่าคุณจะทำอะไรกับมันได้บ้าง อาจเริ่มง่าย ๆ แค่การดูการแต่งตัวของคนที่เดินภาพไปมา มองท้องฟ้าวันนี้หน่อยเป็นไง แล้วรถสีแดงที่เพิ่งผ่านหน้าคุณไปวันนี้มีกี่คันแล้ว เริ่มได้ง่าย ๆ แค่คุณยอมเปิดใจ

 

ทุกอย่างมีสองด้านเสมอแน่นอนว่ามันรวมถึงโทรศัพท์ของพวกเราในยุคนี้ด้วยใช้ให้เป็นประโยชน์บอกเลยว่าคุณมีแต่ Win แต่ถ้าให้โทรศัพท์มาใช้คุณล่ะก็ความเป็น Loser มาถามหาคุณแน่ ๆ ออกไปใช้ชีวิตแล้วให้เทคโนโลยีเป็นแค่ส่วนหนึ่งการพาคุณขับเคลื่อนไปในความก้าวหน้ากันรับรองว่าดีกว่าการยอมติดอยู่ที่เดิมโดยการติดกับของกลลวงจากเทคโนโลยีอย่างแน่นอน