Behind The Brand - JOHN VARVATOS
- 14 พฤศจิกายน 2557
- 8,289
หากพูดถึงแบรนด์เสื้อผ้าผู้ชายที่มีกลิ่นอายของดนตรีร็อคแอนด์โรล คงต้องยกให้ John Varvatos อย่างปฏิเสธไม่ได้ และด้วยรายละเอียดของชิ้นงาน ผสานกับการออกแบบที่สวมใส่ได้จริง จึงทำให้แบรนด์นี้เป็นแบรนด์ในดวงใจของผู้ชายหลายๆ คน และ Metro–Society ก็มีโอกาสดี ได้สัมภาษณ์ John Varvatos แบบ Exclusive กับคำถามที่หลายๆ คนอยากรู้
MTS : เสื้อผ้าคอลเลคชั่นล่าสุดของคุณมีการร่วมงานกับวงร็อคระดับตำนานอย่างวง KISS ด้วย เราอยากรู้ว่าทำไมถึงต้องเป็นวง KISS ด้วยครับ ?
JV : เพราะว่าวง KISS ถือเป็นฮีโร่ในด้านดนตรีของใครหลายๆคนในยุคนั้น ไม่ว่าจะทั้งเด็กหรือผู้ใหญ่รวมถึงตัวผมเองด้วย
MTS : ผมเห็นจาก Runway ว่ามีการให้สมาชิกของวง KISS ใส่สูทด้วย เล่าให้ฟังหน่อยสิครับว่าเป็นยังไงบ้าง เพราะเราก็ไม่เคยเห็นพวกเค้าในลุคนี้มาก่อน
JV : ผมว่ามันออกมาเจ๋งมากนะ และพวกเค้าก็ชอบซะด้วยไม่ว่าจะเป็นสูท เนคไท หรือองค์ประกอบต่างๆ
MTS : จากที่ปกติเราเห็นว่าเสื้อผ้าของ John Varvatos จะเน้นสีเข้มๆ อย่างโทน เทา ดำ แต่ในคอลเลคชั่น Spring/Summer 2015 นั้นส่วนใหญ่จะเป็นสีขาว เราเลยอยากรู้ว่าทำไมครับ
JV : ผมอยากให้โทนสีของเสื้อผ้าของ Spring / Summer 2015 นั้น ดูซอฟท์ลงเพื่อให้เข้ากับฤดูกาลและยังดูใส่ง่าย เพราะผมเลือกใช้โทนสีที่เข้ากันได้กับทุกสี ซึ่งนอกจากสีขาวแล้ว ในคอลเลคชั่นนี้ยังมีสีแดง และสีน้ำเงินเข้ามาด้วย
MTS : พูดถึงแบรนด์ John Varvatos star U.S.A. ให้ฟังหน่อยสิครับว่าเกิดขึ้นได้ยังไง
JV : มันเริ่มต้นจากผมอยากทำเสื้อผ้าที่ดู Casual แบบใส่ได้สบายๆในวันหยุด และออกแบบสไตล์ให้เหมาะกับคนเมืองมากขึ้น ซึ่งกลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่จะเป็นวัยรุ่นชอบในแฟชั่นและมีในสไตล์ในการแต่งตัวครับ
MTS : เสื้อผ้าของ John Varvatos จะเข้ากับผู้ชายเอเชียยังไงครับ?
JV : ผมมองว่าผู้ชายในทวีปเอเชียเนี่ยมีสไตล์ในการแต่งตัวมากกว่าอเมริกาซะอีกนะ เพราะพวกเค้าละเอียดละออในการเลือกเครื่องแต่งกาย ไม่ว่าจะเป็นเนื้อผ้า เทกช์เจอร์ หรือรูปทรง และเสื้อผ้าของผมก็ยังง่ายต่อการนำมา Mix & Match ได้อีกด้วย
MTS : พูดถึงการ Collaboration กับ Converse ให้เราฟังหน่อยสิครับ
JV : ผมได้ร่วมงานกับ Coverse มาเกือบ 13 ปีแล้วล่ะครับ เริ่มจากผมได้รับการติดต่อกับทางนั้นเมื่อประมาณปี 2002 ว่าอยากทำ collection รองเท้ากับผม เราก็เลยได้ร่วมงานกันตั้งแต่ตอนนั้น ที่ผมคิดว่าแบรนด์ผมกับ Converse นั้นร่วมงานกันได้ยาวนานขนาดนี้ก็เพราะว่า DNA ของแบรนด์เราตรงกันครับ อย่างผมเองตอนวัยรุ่นผมก็ยังใส่ Converse เลย
MTS : แล้วอย่างล่าสุดที่คุณได้ร่วมงานกับทาง Crysler ล่ะครับ เพราะ DNA ตรงกันอีกหรือเปล่า
JV : มันค่อนข้างแตกต่างกันนะ เพราะผมโตมาจาก Detroit และ Crysler เป็นบริษัทยานยนต์ยักษ์ใหญ่จากที่นั่น แล้วที่นี้เศรษฐกิจมันไม่ดีเลยส่งผลกับบริษัทเค้าพอสมควร เค้าเลยเข้ามาคุยกับผมว่าอยากให้ผมไปช่วยเรื่องดีไซน์รถ ผมก็ OK ครับเพราะผมค่อนข้างมีความผูกพันกับที่นี่พอสมควร อย่างเคยทำงานกับเค้าตอนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย และบริษัทเค้าก็ตั้งอยู่เมืองเดียวกับที่ครอบครัวผมอาศัยอยู่ ซึ่งสรุปแล้วมันเป็น Project ที่สนุกทีเดียวล่ะ
MTS : คุณก้าวมาอยู่ในวงการแฟชั่นได้ยังไงครับ
JV : ตอนผมอายุ 16 ตอนนั้นก็ยังเรียนอยู่ไฮสคูล ได้ไปทำงานในร้านค้าเพื่อหารายได้พิเศษเป็นค่าเล่าเรียนของตัวเอง เพราะตอนนั้นฐานะทางบ้านก็ค่อนข้างขัดสน แต่พอผมเข้ามหาวิทยาลัยก็เริ่มสนใจในด้านแฟชั่นบ้างแล้วล่ะ พอเรียนจบแล้วก็ได้มีโอกาสไปทำงานที่ Ralph Lauren จนถึงประมาณอายุ 29 ผมก็ตั้งมั่นแล้วล่ะว่าอยากเป็นดีไซน์เนอร์ เลยไปเรียนด้านนี้เพิ่ม มันก็เลยก้าวเข้าสู่วงการแฟชั่นอย่างเต็มตัวครับ
MTS : เป็นเวลากว่า 14 ปีแล้วที่คุณทำแบรนด์ John Varvatos คุณรักษาตัวตนของแบรนด์ยังไงครับ
JV : ผมคิดว่าผลงานของผมไม่ใช่เป็นงานแนวแฟชั่นจัดๆนะ แต่เป็นผลงานที่ทำให้คนสวมใส่งานของผมรู้สึกดี หรือรู้สึกมั่นใจเวลาที่สวมใส่ ซึ่งถ้าเรารู้สึกดีจากข้างในเวลาทำอะไรก็จะดีตามไปด้วย ประมาณนั้นครับ
MTS : อยากให้คุณฝากบอกผู้ชายไทยเกี่ยวกับเรื่องสไตล์ของแบรนด์ John Varvatos หน่อยครับ
JV : สิ่งสำคัญที่ผมอยากบอกเลยก็คือ อยากให้คุณสวมใส่อะไรที่เป็นตัวตนของคุณเอง ซึ่งมันจะทำให้คุณมั่นใจ อย่าไปฝืนใส่อะไรที่มันไม่ใช่ตัวคุณเลยครับ อาจเห็นคนอื่นใส่แล้วดีแต่ถ้ามาอยู่บนตัวคุณแล้วคุณรู้สึกว่ามันไม่ใช่ คุณก็รู้สึกไม่แฮปปี้ คุณก็ไม่มีความสุข