LOUIS VUITTON • Fall/Winter 2023

BY METROSOCIETY

  • 26 กันยายน 2566
  • 5,864

ความเชื่อมโยงถึงกันเปรียบได้กับสารเร่งปฏิกิริยาที่นำไปสู่ความสร้างสรรค์สำหรับหลุยส์วิตตองเองแล้วก็คงเปรียบได้กับชุมชนแห่งความสร้างสรรค์ที่รวมเอาตัวตนอันเฉพาะตัวความสามารถและประสบการณ์ของแต่ละบุคคลผสานกันราวกับเป็นบทสนทนาที่เปิดเผยผ่านการแสดงบนรันเวย์คอลเลคชั่นเสื้อผ้าผู้ชายฤดูใบไม้ร่วง-ฤดูหนาวปี 2023 ถูกสร้างขึ้นโดยเรียบเรียงพื้นฐานเหล่านี้ขึ้นมาจากกลุ่มก้อนแห่งความสร้างสรรค์ ผลงานโดยทีมออกแบบของ Louis Vuitton Studio Prêt-à-Porter Homme

 

 

มีรากฐานจากแนวคิดและคอนเซปต์ของนักออกแบบชาวอเมริกัน Colm Dillane ขณะที่การออกแบบโชว์ และภาพยนตร์เปิดตัวกำกับโดยผู้กำกับภาพยนตร์ชาวฝรั่งเศส Michel Gondry และ Olivier Gondry ร่วมกับสไตล์ลิสต์ ชาวเซียร์ราลีโอน Ibrahim Kamara และผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ชาวยูเครน Lina Kutsovskaya ซึ่งทั้งคู่ต่างเป็นผู้ร่วมงาน กับหลยุส์ วิตตองมาอย่างยาวนาน ปิดท้ายด้วยศิลปินชาวสเปน Rosalía ในฐานะคิวเรเตอร์ด้านเสียง และนักร้องนำของโชว์ ทั้งหมดนี้คือความสร้างสรรค์ที่เชื่อมโยงต่อกันและหมุดหมายสำคัญของทีมออกแบบที่ยังคงตอกย้ำอย่างหนักแน่น ถึงความสำคัญ ในฐานะผู้สร้างสรรค์ ช่างฝีมือผู้ช่ำชองและนักแสดงซึ่งเต็มเปี่ยมได้ด้วยพลังที่จะขับเคลื่อน เชื่อมต่อและรวมเอาผู้ชมจาก ทั่วโลกเข้าไว้ด้วยกัน

 

 

การเติบโต ความเป็นหนึ่งเดียวนั้นมีรากฐานมาจากความคุ้นเคยใจความสำคัญของของโชว์เสื้อผ้าผู้ชายฤดูใบไม้ร่วง-ฤดูหนาว 2023 คือเรื่องราวแห่ง "การเติบโตที่เราทุกคนสามารถเข้าใจและสัมผัสถึงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหน้าประวัติศาสตร์ Louis Vuitton Studio Prêt-à-Porter Homme ที่ต่างบอกเล่าถึงการเปลี่ยนผ่านจากวัยเด็กไปยังวัยรุ่นและก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ซึ่งถือเป็น ประสบการณ์ที่เราทุกคนเคยผ่านมา ณ ลาน Cour Carrée du Louvre ในพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ศิลปิน Michel Gondry และ Olivier Gondry ได้เนรมิตบ้านที่แสดงถึงช่วงวัยต่าง ๆ ของเด็กผู้ชาย 

 

 

โดยแต่ละห้องล้วนเชื่อมโยงไปด้วยห้วงความทรงจำในแต่ละช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็ก ซึ่งถูกบอกเล่าให้เห็นผ่านฉากที่เราคุ้นเคย ประสานไปกับการแสดงดนตรีสดโดย Rosalía และความทรงจำจากวัยเด็กของสองพี่น้องคู่ศิลปิน อาทิ ห้องนอนที่พวกเขาใช้ร่วมกันตอนเด็ก ความตื่นเต้นในการตกแต่ง ห้องและวอลล์เปเปอร์ที่พวกเขาขีดเขียนก่อนที่จะถูกเปลี่ยนใหม่ ภาพยนตร์เปิดตัวบอกเล่าถึงเรื่องราวของการเติบโต ความเป็น ผู้ใหญ่ถูกกลั่นกรองด้วยความทรงจำและประสบการณ์จากช่วงวัยแรกของชีวิต เพื่อให้ความเป็นเด็กยังคงอยู่เสมอภายในใจของเรา อย่างไม่เสื่อมคลาย

 

หลุยส์ ไลฟ์แวร์ (Louis Lifewear) ความผูกพันที่เชื่อมโยงด้วยประสบการณ์ของการแบ่งปัน – ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปกติประจำวันหรือความเปลี่ยนแปลง ครั้งใหญ่ของชีวิต ทีมออกแบบของ Louis Vuitton Studio Prêt-à-Porter Homme ได้ค้นพบแนวคิดเริ่มต้นของคอลเลคชั่นนี้ ผ่านความปรารถนา ทั้งความต้องการหรือความจำเป็นต้องเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงวัยรุ่น ประสบการณ์เหล่านี้ล้วนส่งผล ต่อความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญตลอดชีวิตของผู้คน สิ่งเหล่านี้ถูกตีความและนำเสนอผ่านรูปลักษณ์ของการตัดเย็บ ที่เลียนแบบเสื้อผ้าของผู้ใหญ่ 

 

 

สะท้อนถึงภาพร่างของความเป็นพ่อในมุมมองของเหล่าวัยรุ่น ความทรงจำเผยตัวออกมา ผ่านรูปทรงกล่องที่มาพร้อมกับลายเส้นที่ดูพลิ้วไหว ความยึดหยุ่นของความเป็นผู้ชายที่ปรากฏในเสื้อผ้าทำงานและชุดกีฬาผ่านมุมมอง แบบเด็ก ๆ ลวดลายตารางที่สื่อถึงความเติบโตอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของแฟชั่นแบบผู้ใหญ่ กลิ่นอายจากงานดิจิทัล คอมพิวเตอร์ในทศวรรษที่ 1990 ซึ่งเป็นช่วงเวลาของวัยรุ่นในโลกดิจิทัลยุคบุกเบิก แนวคิดดังกล่าวยังได้รับการพัฒนา มาจากภาพหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ไม่ชัดเจน ดีไซน์ผ่านข้อความ ‘blurry vision of a bright futur' (มุมมองที่พร่ามัวของอนาคต อันแสนสดใส) และ ‘FANTASTIC FUTURE?_’ (อนาคตที่ยอดเยี่ยม?)

 

มุมมองที่พร่ามัว ในฐานะสมาชิกรุ่นแรกที่เกิดและเติบโตผ่านโลกซึ่งเชื่อมโยงกันผ่านเครือข่ายอินเตอร์เนตทีมออกแบบของ Louis Vuitton Prêt-à-Porter Homme ได้มุ่งความสนใจไปยังความสำคัญของโลกยุคดิจิทัล ความคิดนี้ถูกสะท้อนผ่านลวดลาย เทคนิคและวัสดุในการเย็บ ซึ่งเชื่อมโยงทั้งเสื้อผ้าเทเลอร์ริ่ง เครื่องแต่งกายทำงานและเสื้อคลุมตัวนอกที่อ้างอิงไปถึงผลงานโทรทัศน์ ภาพยนตร์ โครงข่ายไซเบอร์ ภาพบนจอแสดงผลและกล้องถ่ายรูป ตอกย้ำไปยังงานออกแบบที่สื่อถึงภาพลวงตาอย่าง 

 

ลายเหรียญคริปโตที่ออกแบบคล้ายกับการเข้ารหัส เส้นแถบเบลอบนโทรทัศน์ถูกสร้างสรรค์ด้วยไข่มุกและเลื่อมปักประดับ สัญลักษณ์ apple TV ที่แทนด้วยภาพผลไม้ขอบเบลอล้อมรอบด้วยคลื่นรบกวน ชุดสูทและเดนิมถูกปรับแต่งด้วยเทคนิคการปัก แบบสามมิติ fil-chenille แสดงภาพขยายของดวงตาซึ่งสามารถมองเห็นได้ผ่านเลนส์กล้องเท่านั้น ภาพเบลอที่ถูกนำมาใช้ เป็นลายของผ้าทอแจ็กการ์ดจำลองภาพการเคลื่อนไหวที่เร็วเกินกว่าที่กล้องภาพภาพจะจับภาพได้ ส่วนรูปภาพพิมพ์บนแผ่นหนัง ก็ชวนให้นึกถึง โปสเตอร์ภาพยนตร์ของฮอลลีวู้ดยุคเก่า ขณะที่ภาพภูมิทัศน์ที่สร้างขึ้นเป็นฉากของภาพยนตร์ถูกนำมาประดับลงบนผ้าทอแจ็กการ์ดโดยใช้เทคนิคการปักแบบสามมิติ

 

ร่องรอยทางดิจิทัล คอลเลคชั่นนี้มุ่งเน้นไปที่ยุคสมัยของคอมพิวเตอร์และการเชื่อมโยงของมนุษย์ซึ่งถูกกระตุ้นผ่านแนวคิดเกี่ยวกับร่องรอยแห่งความทรงจำที่ถูกปลูกฝังไว้ตลอดชีวิตของเราทั้งผลกระทบที่เรามีต่อผู้คนรอบข้างและหลักฐานของการดำรงอยู่ไม่ว่าจะในรูปแบบดิจิทัลลักษณะทางกายภาพหรือด้านอารมณ์ความรู้สึกซึ่งเปรียบได้กับบันทึกแห่งตัวตนที่บรรจุลักษณะนิสัยและอิทธิพลที่มีต่อเราไว้นอกเหนือไปจากลวดลายคอมพิวเตอร์ของคอลเลคชั่น

 

 

แล้วทีมออกแบบยังได้ค้นคว้าเกี่ยวกับรูปแบบของสูทกระเป๋าและผ้าเช็ดหน้าที่รังสรรค์ร่วมกับศิลปิน Colm Dillane นำมาตัดเย็บจากชิ้นส่วน ของแผ่นหนังที่พิมพ์ลวดลาย โดยสแกนจากจดหมายจริงที่เขียนโดยสมาชิกของสตูดิโอในหลากหลายภาษาตามพื้นเพของพวกเขา ความคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ยังคงอยู่ยังได้รับการตีความต่อเนื่องในรูปแบบของสูทผ้านิตที่ถักทอร่วมกับ Colm Dillane ด้ายของสูท ดังกล่าวจะถูกดึงออกมาทีละเส้นในทุกครั้งที่เคลื่อนผ่านบ้านแห่งการเติบโตที่ออกแบบโดย Michel Gondry และ Olivier Gondry เปรียบได้กับร่องรอยของการบันทึกที่เหลืออยู่ การอ้างอิงถึงยุคแห่งการเชื่อมต่อนี้ยังถูกสำรวจผ่านกระเป๋ากล้องที่สามารถ จับภาพบรรยากาศรอบ ๆ ในขณะที่เดินอยู่บนรันเวย์

 

ใบหน้าแห่งชีวิต "Pareidolia" คือปรากฏการณ์ที่เราเห็นใบหน้าบนวัตถุและองค์ประกอบที่ไร้ใบหน้า นี่คือสัญชาตญาณพื้นฐานของมนุษย์ ซึ่งกระตุ้นให้สมองค้นหาความเชื่อมโยงอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าเราจะเดินผ่านของภาพใบหน้าของผู้คนในแกลเลอรี หรือเลื่อนดูรูปในโซเชียลมีเดีย ภาพหน้าคือสิ่งที่มีผลกระทบต่อเรามากที่สุด ธีมนี้ว่าด้วยความสร้างสรรค์ที่เชื่อมโยงและผสานต่อกัน ทีมออกแบบของ Louis Vuitton Studio Prêt-à-Porter Homme ได้นำทฤษฎีนี้ไปประยุกต์ใช้กับเสื้อผ้าและเครื่องประดับชิ้นต่างๆ ที่ตอกย้ำถึงพลังแห่งสายตาในฐานะเครื่องมือเชื่อมต่อที่ยอดเยี่ยมที่สุดของมนุษย์

 

 

ชุดสูทเทอร์ริ่งและเสื้อผ้าสำหรับทำงานที่ออกแบบร่วมกับ Colm Dillane โดยใช้เทคนิคตัดต่อแบบแพตช์เวิร์คที่เปิดเผยรูปทรงของหน้า ประยุกต์ผ่านสัญลักษณ์โลโก้ ของเมซงหลยุส์ วิตตอง บนชุดสูทสไตล์ utility และเสื้อแจ็คเก็ต นอกจากนี้ยังมีรูปทรงใบหน้าที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ ซึ่งวาดขึ้นโดยดีไซเนอร์ ก่อนนำมาพิมพ์และผสมผสานสัญลักษณ์โมโนแกรมในหลากหลายรูปแบบทั้งบนชุดสูท เสื้อโค้ต รองเท้าและกระเป๋า นี่คือผลงานที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสไตล์แบบเด็กผู้ชายและความเหนือจริง เชื่อมโยงไปกับความรู้สึกของ Michel Gondry และ Olivier Gondry ผ่านภาพยนตร์เปิดตัวและการจัดแสดงแสงเสียงของรันเวย์โชว์