ADIDAS NMD History

BY Staff3

  • 04 กุมภาพันธ์ 2559
  • 11,112

ใครๆ ก็คงจะรู้อยู่แล้วว่ารองเท้า ADIDAS รุ่น "NMD" นั้น ที่ได้รับความนิยมสูงมากในเวลานี้ แต่มีใครอยากจะรู้มั้ยครับว่า ADIDAS NMD นั้นมีความเป็นมาอย่างไรกันบ้าง วันนี้เราจะมาสารยายถึงประวัติของมันให้ได้รู้กัน

 

 

เริ่มแรกเลยก็คือ NMD ที่เราเรียกๆ กันอยู่นั้นจริงๆ แล้วมีชื่อเป็นว่า "ORIGINALS NMD RUNNE" และแน่นอนคำว่า "NMD" นั้นก็มีความหมายเช่นกัน "NMD" จริงๆแล้วมาจากคำว่า "NO MAD" ที่แปลว่า นักท่องเที่ยว หรือคนไร้กรอบ นั่นเองครับ

 

 

ซึ่งทีมดีไซน์เนอร์ที่ออกแบบ ADIDAS รุ่นนี้ ได้นำเอาข้อดีของ ADIDAS รุ่นเก่าๆ มาพัฒนาบวกเข้ากับเทคโนโลยีรุ่นใหม่ มาประยุกต์ให้เข้ากันจนออกมาเป็น NMD ในทุกวันนี้ซึ่ง ได้นำตัวต้นแบบของ ADIDAS NMD ได้มาจากการรวมกันของ ADIDAS ถึง "3 รุ่น"เลยทีเดียว นั่นก็คือ

 

 

 

MICRO PACER (1984)

ในยุคนั้นเป็นรองเท้าที่ดูแปลกมาก เพราะมีเครื่องอะไรไม่รู้อยู่ตรงลิ้นของตัวรองเท้า ซึ่งเจ้าตัวเครื่องนั่นสามารถนับจำนวนก้าวที่เราเดินได้ แถมยังบอกค่าว่าวันนี้ที่เราเดินหรือวิ่งนั้นได้อีกว่าใช้ไปกี่แคลลอรี่ ซึ่งเราสามารถ ตั้งค่าใหม่ได้ทุกครั้งที่เราอยากจะเริ่มจับแคลลอรี่ หรือนับก้าว ซึ่งในสมัยนั้นอาจจะไม่ได้แม่นยำนักแต่ก็เป็นอะไรที่ฮือฮา และโด่งดังมากจริงๆ

 

 

RISING STAR (1985)

รุ่นนี้เป็นรุ่นที่ไม่ต้องพูดอะไรมากว่ามันพิเศษ หรือดีเด่นยังไง เพราะในปัจจุบันนี้ เจ้าของแบรนด์อย่าง RAF SIMONS เองก็ได้นำรองเท้ารุ่นนี้มาดัดแปลง และออกแบตัวรองเท้าให้ออกมาในรูปแบบของ RAF SIMONS โดยเฉพาะซึ่งเป็นอะไรที่ดูล้ำสมัยเป็นอย่างมาก

 

 

THE BOSTON SUPER (1986)

ตัวนี้ได้รับการพัฒนามาจากรุ่น MICRO PACER โดยที่เอาชิบ หรือเครื่องที่ติดอยู่ตรงลิ้นออก เพื่อให้ไม่ดูบวมผิดแปลกไปมากนัก และสามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างสบายๆ และทาง ADIDAS ได้พัฒนาพื้นชั้นกลางใหม่ โดยเปลี่ยนเป็นแบบ EVA Plugs คือโฟมสี่เหลี่ยมที่แปะด้านข้าง 3 จุดเพื่อให้สามารถรับต่อแรงกระแทกได้ดีมากขึ้น

 

ตัว NMD นั้นได้ นำ รูปทรงของตัวรองเท้า RISING STAR มาพัฒนาเป็นรุ่นปัจจุบันที่ดู โค้งๆ เพื่อให้ดูเคิฟและเข้ากับการแต่งตัวในยุคสมัยนี้ ตัวแถบผ้าที่อยู่ด้านหลังของตัวรองเท้า “ The Brand With The 3 Stripes ” เป็น สโลแกนที่พูดเลยว่า เจ๋งจริงๆ

 

 

ส่วนพื้นของ ADIDAS NMD ได้พัฒนาทั้งพื้นชั้นกลางที่มี EVA Plugs โฟมสี่เหลี่ยมที่แปะด้านข้าง 3 จุด เพื่อเพิ่มความทนทานให้กับตัวพื้นรองเท้าชั้นนอกสุดที่เน้นการรองรับแรงกระแทก และมีดอกยางสำหรับยึดเกาะพื้นที่ได้แรงบันดาลใจมากจาก ADIDAS รุ่น BOSTON SUPER และ MICRO PACER ตัวพื้นสีขาวนั้น ได้นำมาจาก พื้นที่อดิดาสพัฒนามาใช้กับรุ่น ULTRA BOOST เพื่อสื่อถึงความเบาของตัวรองเท้า และความคล่องตัวในการสวมใส่ได้มากขึ้น 

 

แล้วเพราะอะไร ทำไมคนถึงต้องแย่งกันซื้อได้ขนาดนี้ ตรงนี้เราคงต้องบอกว่าเหตุผลของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนอยากได้เพราะเป็นคนที่รักในตัวรองเท้า และรู้ถึงคุณค่าของมันอยู่แล้วจึงอยากได้มาเก็บไว้ ส่วนบางคนก็อยากได้เพราะมันเป็นเทรนที่กำลังมาแรง หรือจะเป็นอยากเก็บไว้เพื่อเก็งกำไรในตอนหลังก็มีเช่นกัน ดังนั้นในกรณีนี้เราไม่ขอพูดถึงจะดีกว่านะครับผม

 

 

แต่ด้วยเหตุผลเหล่านี้ก็ถือว่าทาง ADIDAS ได้ตีโจทย์แตกจริงๆ แล้ว NMD ตัวแรกที่อาดิดาสปล่อยออกมาตอนท้ายของปี 2015 ในราคา 6,990 บาท ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดีเกินคาดจนตอนนี้ราคาสูงขึ้นมากจนติดเพดานเลยก็ว่าได้ คนเลยหันมาสนใจในตัวรองเท้า NMD มากขึ้น

 

ADIDAS NMD R1

 

ADIDAS NMD R2

 

แต่ก็นั่นแหละนะในช่วงหลังๆมานี้ ด้วยความที่กระแสของ ADIDAS NMD มาแรงจนแซงหน้าคู่แข่งต่างๆ ไปอย่างไร้ร่องรอย ทำให้ทาง ADIDAS ได้ทำการปล่อยรองเท้ารุ่น NMD ต่างๆ ออกมาเป็นจำนวนมากเช่น NMD R1 หรือว่า NMD R2 ที่เป็นรุ่นที่ออกมาล่าสุดในเวลานี้ ทำให้ในเวลานี้ถ้าคุณต้องการรองเท้า ADIDAS NMD ก็สามารถหาซื้อได้แล้วโดยที่ไม่จำเป็นต้องไปต่อแถวแย่งชิงกันเหมือนเช่นที่ผ่านมา รวมทั้งรองเท้าของ ADIDAS รุ่นนี้นั้นมีการ collaboration กันแบรนด์และศิลปินต่างๆ เป็นจำนวนมากอย่างเช่น Pharrell William, Mastermind Japan, Beam หรือว่าจะล่าสุดที่ทำร่วมกับ BAPE (A Bathing Ape)

 

ADIDAS NMD X Pharrell William

 

ADIDAS X BEAMS

 

ADIDAS X BAPE (A BATHING APE)

 

แน่นอนว่าในปัจจุบันนี้การที่คุณจะเข้าถึงรองเท้าอย่าง ADIDAS NMD ดูไม่ได้เป็นเรื่องยากอย่างเมื่อก่อนแล้ว แต่ถ้าเป็นรุ่นที่ทำการ collaboration หรือเป็นลิมิเต็ดอิดิชั่น ก็คงจะต้องต่อแถวชิงโชคกันต่อไปนะ แต่ก็อย่างว่า อยากได้ของดีของหายาก ก็อาจจะต้องพึ่งดวงพึ่งโชคกันสักหน่อยละครับ