Nude and Muses • Leica Gallery Bangkok
- 14 พฤษาภาคม 2561
- 7,607
การจัดแสดงภาพถ่ายผลงานจำนวนกว่า 30 ผลงาน ที่ถูกคัดเลือกอย่างพิถีพิถันภายใต้คอนเซ็ปต์ “Nude and Muses” โดยช่างภาพศิลปินเจ้าของผลงาน Ralph Gibson ซึ่งนิทรรศการนี้จะจัดแสดงตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม จนถึง 25 มิถุนายนนี้เท่านั้น
Ralph Gibson เกิดในเขตฮอลลีวูดในนครลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อปี ค.ศ. 1939 พ่อของเขาทำงานเป็นผู้ช่วยผู้กำกับหนังให้กับอัลเฟรด ฮิตช์ค็อก (Alfred Hitchcock) ทำให้กองถ่ายจึงกลายเป็นสถานที่ที่เขาใช้ชีวิตตอนเป็นเด็กคลุกคลีกับงานในกองด้วยการทำงานเป็นตัวประกอบและงานจิปาถะ ณ เวลานั้นเขาเริ่มรู้สึกประทับใจในพลังของเลนส์กล้องและการเล่นกับน้ำหนักแสงเขา
ได้ทำการศึกษาการถ่ายภาพในขณะที่อยู่ในกองทัพเรือสหรัฐฯ และจากสถาบันศิลปะซานฟรานซิสโก โดยเริ่มทำงานในฐานะผู้ช่วยของช่างภาพข่าว Dorothea Lange และได้ร่วมงานกับ Robert Frank ในภาพยนตร์สองเรื่อง นับตั้งแต่ผลงานของกิ๊บสันได้ถูกรวบรวมและตีพิมพ์ในหนังสือ The Somnambulist ในปี ค.ศ. 1970 ผลงานของเขาถูกผลักดันอย่างต่อเนื่องในสื่อสิ่งพิมพ์
จนถึงปัจจุบันงานของเขาได้รับการเผยแพร่ในเอกสารกว่า 40 เล่ม รูปถ่ายของเขาถูกรวบรวมอยู่ในพิพิธภัณฑ์มากกว่า 170 แห่งทั่วโลก และได้ปรากฏตัวในงานนิทรรศการแสดงผลงานเดี่ยวจำนวนนับกว่าร้อยครั้ง เขาเป็นวิทยากรและได้เปิดเวิร์คช็อปทางด้านเลนส์กล้องกว่า 20 ประเทศ ในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา ในปี ค.ศ. 2013 เขาได้ถูกเชิญไปบรรยายทั้งจากสถาบันและพิพิธภัณฑ์ในประเทศจีน บราซิล ออสเตรเลีย และบาหลี
รางวัลที่ Ralph Gibson ได้รับประกอบไปด้วยทุนจากมูลนิธิ John Simon Guggenheim Foundation และ National Endowment for the Arts เช่นเดียวกับรางวัล Leica Medal of Excellence รางวัล Lucie Lifetime Award และ Silver Plumb Award รัฐบาลฝรั่งเศสได้มอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูง Commandeur de l'Ordre des Arts et des Lettres นอกจากนี้มหาวิทยาลัย the University of Maryland และ Ohio Wesleyan University ยังมอบปริญญาเอกกิติมาศักดิ์ให้กับกิ๊บสันอีกด้วย
ในปี ค.ศ. 2010 เขาได้ร่วมงานกับ Lou Reed ในภาพยนตร์ Red Shirley ซึ่งฉายในเทศกาลภาพยนตร์ 14 แห่งทั่วยุโรปและอเมริกาเหนือพิพิธภัณฑ์ The High Museum of Arts ในแอตแลนต้าจัดแสดงผลงานย้อนหลังชื่อ "Quartet" ในปี ค.ศ. 2012กิ๊บสันโปรดปรานการเล่นกีตาร์ตั้งแต่ช่วงวัยรุ่นจนถึงปัจจุบัน จน Gibson ได้ลองผนวกงานภาพถ่ายของเขาเข้ากับการประพันธ์ดนตรีไว้ในรูปแบบภาพยนตร์และการแสดงสด
เขาได้แสดงงานชื่อ Typography และ One Way ร่วมกับนักดนตรีเครื่องเป่า Jon Gibson ที่Roulette และ The Stone ในเมืองนิวยอร์ก ในปี ค.ศ. 2013 กิ๊บสันแสดงงานที่ Burchfield-Penny Art Center Testify Festival ในเมืองบัฟฟาโล นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาและที่ The Central China Academy of Fine Arts ปักกิ่ง ประเทศจีน เป็นต้น
นอกจากนี้กิ๊บสันได้ร่วมทำงานเขียนเพลงและวิดีโอให้กับคณะเต้น Jon Lehrer Dance Companyสำหรับการแสดงในฤดูใบไม้ร่วงปี ค.ศ. 2014 ปีเดียวกับที่พิพิธภัณฑ์ Goeun ในปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ได้นำเสนอนิทรรศการรวบรวมผลงานของกิ๊บสันผลงานการร่วมมือระหว่างกิ๊บสันกับไลก้า คาเมร่า คือกล้องรุ่น Monochrom Limited Edition โดยแผ่นด้านบนของกล้องจะมีลายเซ็นต์ของGibson ปรากฏอยู่
ในช่วงต้นทศวรรษที่ 1960 ที่ราล์ฟ กิ๊บสัน (Ralph Gibson) ช่างภาพชาวอเมริกันเริ่มต้นให้ความสนใจศิลปะการถ่ายภาพนู้ด โดยกิ๊บสันชอบจะเก็บเกี่ยวช่วงเวลาเสี้ยววินาทีที่แบบเผลอ ซึ่งจะเป็นโมเมนต์ที่แบบมีความเป็นตัวเอง เป็นธรรมชาติที่สุด โดยเขาบอกกับ Eric Fischl ศิลปินชื่อดังผู้เป็นคนสัมภาษณ์ และเขียนบทความเพื่อประกอบภาพถ่ายในหนังสือ Nude (ตีพิมพ์ในปี 2009) ว่า “ผมมักจะถ่ายรูปแฟนสาวของผมจากอิริยาบทธรรมชาติและขอให้เขาค้างท่าทางนั้นไว้ก่อน ไม่ว่าเป็นตอนเดิน ตอนหยิบแก้ว”
ซึ่งหากผลลัพธ์ที่ได้ออกมาจะสื่ออารมณ์ภาพแบบอารมณ์ภาพยนตร์(Cinematic) ที่เน้นเรื่องราว หรือท่าทางที่สื่อความหมายต่างๆ นั้นมักจะเกิดจากความบังเอิญมากกว่าความตั้งใจ แต่ต่อมาในช่วงปี 1980 กิ๊บสันเปลี่ยนนิยามของงานถ่ายของเขาใหม่ ด้วยการเข้าถึง ภาพนู้ด ในบริบทของ “งานถ่ายทอดสร้างสรรค์ศิลปะบนเรือนร่าง” และเพียรพยายามเข้าถึงแนวคามคิดงี้อย่างไม่ลดละ ความบังเอิญกลายเป็นความตั้งใจ โดยกิ๊บสันใส่รายละเอียดกับท่าทางการโพสของแบบ และช่วงเวลาตรงนั้นมากขึ้น
นิทรรศการ Nude and Muses จึงเป็นการเดินทางเข้าถึงความเปลือยในโทนขาว-ดำที่ผ่านการวางองค์ประกอบอย่างพิถีพิถัน การนำเสนอมุมมองการสำรวจศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับอารมณ์และความเร้าใจผ่านมุมมองของผู้ชาย งานนิทรรศการนี้ไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อต้องการสื่อถึงเรื่องเรือนร่างผู้หญิงเท่านั้น หากแต่เปี่ยมด้วยแรงจูงใจทางทัศนศิลป์ที่บ่งบอกตัวตน และลายเซ็นต์ที่ทำให้งานของบรมครูด้านการถ่ายภาพท่านนี้โดดเด่นชัดเจนตลอดเวลาครึ่งศตวรรษของการทำงานจนถึงปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นการใช้แสงและเงาที่จัดจ้าน การจัดวางเส้นทแยงมุมในภาพ และความโปรดปรานในการเข้าถึงใกล้ชิดกับแบบเป็นต้น นอกจากนั้นยังนำเสนอเนื้อหาที่พาดพิงถึงความสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆ ของกิ๊บสันและตัวแบบ ช่วงเวลา ดนตรี และเนื้อหานามธรรมต่างๆ อีกด้วย
และสิ่งที่ขาดไม่ได้และจะได้พบในนิทรรศการ Nude and Muses คือ ความชำนาญการทางเทคนิคของ Gibson ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาฝึกฝนมาตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1960 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เขาอยู่ในกองทัพเรือสหรัฐฯ และทำงานเป็นผู้ช่วยช่างภาพข่าวชาวอเมริกัน Dorothea Lange - แต่ในท้ายที่สุดสิ่งที่ดึงดูดทุกคนให้มารวมตัวกันคือความสามารถของ Gibson ที่จะพาเราไปพบกับมุมมองของช่างภาพที่มีความคิดนอกกรอบมากที่สุดคนหนึ่ง จนไม่สามารถแยกขอบเขตระหว่างภาพลวงตา การเปรียบเทียบ ความงดงาม ความเร้าอารมณ์ และความลึกลับจากภาพถ่ายได้ เปรียบเสมือนบทกวีที่ใช้เพียงแค่กล้อง และคงเสียเวลาเกินไปสำหรับใครที่คิดหาคำนิยามของภาพเหล่านั้นออกมาเป็นคำพูด
Leica Store Bangkok
2nd Floor, Gaysorn Village
Tel. 02-656-1102