CHANEL • BLEU DE CHANEL
- The Saga
- 20 มิถุนายน 2561
- 31,409
ในโลกน้ำหอมของ CHANEL น้ำหอมสำหรับผู้ชายเป็นดั่งเขตแดนที่ยังไม่ได้เข้าไปสำรวจนัก หลังจากเปิดตัวได้ระยะหนึ่งและฉายภาพยนตร์โฆษณาตอนแรกที่เป็นที่เล่าลือและควรค่าแก่การบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ของวงการโฆษณาน้ำหอม BLEU DE CHANEL ก็พุ่งขึ้นเป็นอันดับหนึ่งทั่วโลก โครงสร้างของกลิ่นหอมที่ชัดเจนและมีเอกลักษณ์ ผสานกับโฆษณาที่ดูน่าฉงนและไม่ซ้ำซากจำเจ ทำให้เกิดภาพของผู้ชายสไตล์ CHANEL อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ด้วยจุดเริ่มต้นเพียงประโยคเดียวและภาพของผู้ชายที่สามารถมองข้ามขอบฟ้า เกิดเป็นความคิดที่จะนำเค้าโครงเรื่องมานำเสนอในแนวใหม่ ซึ่งแตกต่างจากที่เคยใช้ในการนำเสนอน้ำหอมโดยทั่วไป
ค.ศ. 2010
มีผู้ชายเพียงคนเดียวที่เล่าเรื่องนี้ให้เราฟังได้ เขาคือ Martin Scorsese ผู้กำกับที่นำเสนอความเป็นชายในมุมมองที่ซับซ้อน แนวคิดของโฆษณานี้ทำให้เขารู้สึกสนใจ และเขามีแนวคิดเกี่ยวกับฉากที่จะนำเสนอแล้ว อย่างไรก็ตาม ผู้กำกับชาวนิวยอร์กคนนี้มีเงื่อนไขสองข้อคือ หนึ่ง เขาต้องการถ่ายทำภาพยนตร์โฆษณาในบ้านเกิดของตัวเอง เพราะเขามีภาพยนตร์อีกสองเรื่องที่กำลังถ่ายทำอยู่
และสอง เขาต้องการจะรู้สึกเป็นกันเองกับนักแสดงนำ หลังจากได้พบกับ Gaspard Ulliel เขาก็ตกลงรับงานนี้ ดารานักแสดงชาวฝรั่งเศสคนนี้มีประวัติการแสดงภาพยนตร์ที่น่าประทับใจด้วยผลงานการแสดงที่น่าจดจำในภาพยนตร์เรื่อง A Very Long Engagement1 และ Hannibal Rising2 ซึ่งทำให้เขามีชื่อเสียงมากในสหรัฐฯ และเขาสามารถพูดภาษาอังกฤษได้คล่องเหมือนเจ้าของภาษา แถมยังมีหน้าตาหล่อเหลา ฉลาด มั่นใจในตัวเอง แต่ไม่แสดงความมั่นใจมากเกินไป เสน่ห์ รูปลักษณ์ ความสง่า และความสามารถในการแสดงของเขา ดึงดูดความสนใจของ CHANEL
ข้อตกลงได้รับการตอบรับด้วยดี และเป็นเวลานานมาแล้วนับตั้งแต่ที่ CHANEL ได้เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณางบสูงสำหรับน้ำหอมผู้ชาย (นับตั้งแต่เปิดตัวน้ำหอม EGOÏSTE) ผู้กำกับ Scorsese ได้เขียนเรื่องราวอันซับซ้อนของผู้ชายที่ตกอยู่ในวังวนของชีวิตและถ่ายทำฉากต่างๆ ด้วยโทนสีน้ำเงิน ภาพยนตร์ดำเนินไปราวกับจังหวะดนตรีที่แทรกด้วยเรื่องราวในอดีตและใช้เอฟเฟ็กต์ของแสงไฟที่สว่างวาบเป็นระยะๆ
ตัวละครเอกอยู่ในห้องประชุม รายล้อมด้วยภาพของผู้หญิงตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน “คุณต้องการให้เธอถามซ้ำหรือเปล่า” ผู้จัดงานแถลงข่าวถาม ในท่ามกลางผู้คน ภาพผู้หญิงคนหนึ่งที่มาจากความทรงจำของเขาและอาจเป็นคนเดียวกันกับที่ตั้งคำถามเขา ทำให้เขาตระหนักถึงความเป็นจริง พระเอกของเราซึ่งดูกระวนกระวายและวุ่นวายใจตอบว่า “ผมจะไม่เป็นอย่างที่คนอื่นคาดหวังให้เป็นอีกต่อไป” เมื่อฉากกั้นโดยรอบล้มครืนลง เขาก็เดินจากไปเพื่อตามหาโลกใหม่ของตัวเอง
ต่อมา ผู้กำกับชื่อดังเผยความลับว่าเขาได้แรงบันดาลใจจาก De Niro ในช่วงแรกๆ ที่เคยแสดงภาพยนตร์เรื่อง Mean Street3 ที่นักแสดงหนุ่มทิ้งเขาไว้ในระหว่างการแถลงข่าว Scorsese นักสร้างภาพยนตร์ที่ทุ่มเทให้กับการทำงานนี้ เริ่มงานภาพยนตร์โฆษณาทางโทรทัศน์ด้วยภาพยนตร์สั้น เขานำเสนอมุมมองการถ่ายทำภาพยนตร์ของตัวเองเป็นภาพต่างๆ ของ Gaspard Ulliel และถ่ายภาพหญิงสาวด้วยฟิล์มขนาด 16 มม.
เรื่องราวในภาพยนตร์นำเสนอความคิดแบบ “Scorsesian” สลับไปสลับมา ตอนจบของโฆษณาทำให้เราตั้งคำถามและถกเถียงกันเกี่ยวกับความหมายของเนื้อหา BLEU DE CHANEL ส่งผลกระทบต่อผู้ชมเป็นอย่างมาก และเสียงดนตรีที่เปี่ยมด้วยพลัง (เพลง She Said Yeah สุดคลาสสิกของวง Stones และเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของ Scorsese) ยังคงตราตรึงอยู่ในใจคุณ
ค.ศ. 2014
สี่ปีหลังจากเปิดตัวโฆษณาเรื่องแรกของ BLEU DE CHANEL ไปแล้ว Gaspard Ulliel ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม และได้รับการยอมรับจากนักวิจารณ์ในภาพยนตร์เรื่อง Saint Laurent4 ของ Bertrand Bonello แล้วใครจะมาดูแลการถ่ายทำโฆษณาในครั้งนี้ล่ะ?
และชื่อของ James Gray ก็ผุดขึ้นในฐานะตัวเลือกที่โดดเด่น ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง We Own the Night5 ได้คิดเค้าโครงเรื่องที่คล้ายกันซึ่งเขากำหนดให้พระเอกมีทั้งด้านมืดและด้านสว่าง รวมทั้งมีบุคลิกที่โดดเด่นเฉพาะตัวสูง Gray ชื่นชอบ Scorsese อยู่แล้ว จึงรู้สึกว่างานนี้เป็นความท้าทายที่ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นแม้ว่าจะเป็นการถ่ายโฆษณาก็ตาม เขายังเขียนบทด้วยตัวเอง และกำหนดสถานที่ถ่ายทำในเมืองที่ดูดุดันในอเมริกาเช่นกัน แต่ครั้งนี้ถ่ายทำที่ลอสแองเจลีส
ผู้ชายหนึ่งคน ผู้หญิงสองคนปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางความมืดที่เน้นโทนสีน้ำเงิน เมื่อเสียงกีต้าร์ของ Jimmy Hendrix ดังขึ้นในเพลง All Along The Watchtower จากนั้นเสียงแผ่นป้ายบอกฉากดังขึ้น ทำให้รู้ว่านั่นเป็นฉากในภาพยนตร์ที่กำลังถ่ายทำ นักแสดงชายออกจากบทที่แสดงและรีบหนีเหล่าปาปารัสซี่ที่วิ่งตามรถเขา เขาเข้าไปในตึก Hitchcockian ซึ่งดูจะขยายและทอดยาวออกไปเมื่อชายหนุ่มวิ่งเข้าไปจนกระทั่งมาถึงท้องทะเล กล้องจับภาพโดยเลื่อนไปตามสายตาของชายคนหนึ่งที่ค้นพบตัวเองในที่สุด
ภาพยนตร์ที่เน้นความเป็นปัจเจกนี้จบลงด้วยข้อความว่า “คุณจะเป็นอย่างที่คุณเป็นตลอดไป” ผู้กำกับหนุ่มอธิบายว่า “ผมต้องการหยิบยกประเด็นเรื่องความคลั่งไคล้ในโลกของภาพยนตร์ ซึ่งเราต้องใช้ชีวิตอย่างสบายใจและอึดอัดใจไปพร้อมกัน จะว่าไป นั่นก็คล้ายกับความรู้สึกกระอักกระอ่วนที่เต็มไปด้วยความไร้สาระและความน่าสนใจที่ท่วมท้น”
ค.ศ. 2018
BLEU DE CHANEL กลายเป็นเรื่องราวของภาพยนตร์โดยตัวมันเองและโดยฝีมือการแสดงของ Gaspard Ulliel ดาราดังแห่งวงการภาพยนตร์ของฝรั่งเศส เขามีพรสวรรค์ด้านการแสดงซึ่งยืนยันได้จากผลงานเรื่อง It’s Only the End of the World6 ที่ทำให้เขาได้รับรางวัล César สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในปี 2016 สำหรับในปีนี้เขาแสดงเรื่อง Eva7 ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของ Benoît Jacquot, เรื่อง 9 Fingers8 ของ F.-J. Ossang, เรื่อง Les Confins du monde9 ของ Guillaume Nicloux และ Un Peuple et son roi10 ของ Pierre Schoeller
ในการทำงานกับ CHANEL ครั้งนี้ เขาได้มาอยู่หน้ากล้องของ Steve McQueen ทั้ง Scorsese, Gray, และ McQueen ล้วนสร้างสรรค์โฆษณาที่น่าประทับใจ ซึ่งรวบรวมภาพถ่ายร่วมสมัยในการถ่ายทำภาพยนตร์แบบอังกฤษ ผู้กำกับชาวอังกฤษซึ่งถ่ายทำเรื่อง Hunger11, Shame12, Twelve Years a Slave13 และ Widows14 ซึ่งกำลังจะฉายในเร็วๆ นี้ ยังได้สำรวจคำถามต่างๆ เกี่ยวกับผู้ชาย
เขานำเราไปสู่บทภาพยนตร์ใหม่ๆ ซึ่งเป็นการนำเสนอช่วงหนึ่งในชีวิตของนักแสดงนำ แต่ก็ยังเป็นเรื่องราวเดิมของผู้ชายที่ตระหนักถึงภาพความเป็นตัวเขาในสายตาของโลก Gaspard Ulliel เลยช่วงวัย 30 มาแล้ว และได้ผ่านช่วงเวลาอันรุ่มร้อนและระห่ำ เมื่อคุณรู้จักตัวเองดีขึ้น คุณก็จะเดินตามเส้นทางของตัวเองอย่างสมถะ เขาตัดผมสั้นลงและขัดเกลาความคิดมากขึ้น แต่บุคลิกของเขากลับเข้มแข็งและมุ่งมั่นยิ่งกว่าเดิม
ปัจจุบัน Gaspard มีชื่อเสียงไปทั่วโลก เขานั่งทำงานในสำนักงานที่ดูไร้จิตวิญญาณ รายล้อมไปด้วยนักหนังสือพิมพ์ซึ่งกุมอนาคตของอาชีพของเขาไว้ เขาเดินออกมาและมองผ่านหน้าต่างไปยังอาคารกระจก สบตากับผู้หญิงคนหนึ่ง จากนั้นเขาเดินออกจากอาคาร ขับรถผ่านเมือง ผ่านป้ายโฆษณาที่มีภาพใบหน้าของเขาและผ่านฝูงชน จนไปถึงอพาร์ทเมนต์แห่งหนึ่ง ใช่อพาร์ทเมนต์ของเขาหรือเปล่า?
ภาพของผู้หญิงคนนั้นยังคงติดอยู่ในใจเขา เขาดำดิ่งลงไปในสระน้ำที่อยู่บนดาดฟ้าเพื่อค้นหาความฝันที่อยู่ใต้ผืนน้ำ ก่อนที่จะกลับขึ้นมาสู่โลกความเป็นจริงข้างบน ฉากนี้สำคัญมากสำหรับ McQueen ซึ่งถ่ายภาพให้ดูเหมือนเป็นประสบการณ์แห่งความรู้สึก ราวกับการเกิดใหม่ ภาพยนตร์โฆษณานี้จบลงด้วยภาพดาวตกที่พาดผ่านท้องฟ้าและเสียงร้องเพลงของ David Bowie ที่ว่า “There’s a starman waiting in the sky.”
1 ภาพยนตร์ที่กำกับโดย Jean-Pierre Jeunet, 2004
2 ภาพยนตร์ที่กำกับโดย Peter Webber et Pietro Scalia, 2007
3 ภาพยนตร์ที่กำกับโดย Martin Scorsese, 1973
4 ภาพยนตร์ที่กำกับโดย Bertrand Bonello, 2014
5 ภาพยนตร์ที่กำกับโดย James Gray, 2007
6 ภาพยนตร์ที่กำกับโดย Xavier Dolan, 2016
7 ภาพยนตร์ที่กำกับโดย Benoît Jacquot, 2017
8 ภาพยนตร์ที่กำกับโดย Frédéric-Jacques Ossang, 2017
9 ภาพยนตร์ที่กำกับโดย Guillaume Nicloux, 2017
10 ภาพยนตร์ที่กำกับโดย Pierre Schoeller, 2017
11 ภาพยนตร์ที่กำกับโดย Steve McQueen, 2008
12 ภาพยนตร์ที่กำกับโดย Steve McQueen, 2011
13 ภาพยนตร์ที่กำกับโดย Steve McQueen, 2013
14 ภาพยนตร์ที่กำกับโดย Steve McQueen, 2018