คำสอนแบบพุทธกับ Daily Life 4.0

BY Poy T.

  • 30 มีนาคม 2563
  • 11,051

วลาในทุกวันนี้บางทีก็เหมือนจะมีไม่เพียงพอกับสิ่งที่ต้องทำและดูทุกอย่างจะหมุนเร็วไปหมด ซึ่งถ้าเรามีสติและสมาธิอยู่กับตัวได้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีและสองสิ่งนี้ก็มักจะพาพวกเรารอดจากเหตุการณ์ต่าง ๆ อยู่ตลอดแต่ในวันที่รู้สึกเหนื่อย เครียด หรือเริ่มอยากได้แรงใจดี ๆ บ้างนอกจากกำลังใจจากคนรอบตัวแล้ว

 

การรู้จักให้กำลังใจและเตือนสติตัวเองบนพื้นฐานของความจริงได้นี่แหละที่จะพาคุณลุกและไปต่อได้เร็วขึ้น แล้วอะไรที่จะเป็นหลักให้คุณเอาไว้เตือนตัวเองกันได้บ้างเราเลยนึกถึงคำสอนในพุทธศาสนาหลาย ๆ ข้อขึ้นมาแล้วอยากหยิบมาแชร์กันซึ่งเราเชื่อว่าคำสอนเหล่านี้ต่อให้คุณอาจจะไม่ได้นับถือศาสนาพุทธแต่ก็สามารถเอาไปปรับใช้กับ Daily Life ได้เหมือนกันค่ะ

 

 

ฟังมาก หรือศึกษาเล่าเรียนมากนี่คือหนึ่งในคำสอนที่อยู่ในเคล็ดลับการเป็นพหูสูต 5 อย่าง เราเห็นว่าในข้อนี้เหมาะกับยุคที่มีการแสดงความคิดเห็นมากมายหลายมุมไปหมดและบางครั้งมันก็อาจไม่ได้มีแต่แง่มุมที่ดีเสมอไป จะดีกว่าไหมถ้าคุณจะผันตัวมาเป็นผู้ฟังที่ดี แล้วเอาเรื่องราวต่าง ๆ มาคิด วิเคราะห์ ให้อยู่บนพื้นฐานความจริงมากที่สุด การฟังจะว่าไปเป็นเหมือนการเปิดโลกและเป็นการสังเกตการณ์ที่ดี ลองกลับมาถามตัวเองกันดีกว่าว่าทุกวันนี้คุณได้ฟังมากพอหรือยัง

 

อิทธิบาท 4 มาให้กำลังใจในวันที่เหนื่อย

ถ้าคุณยังใช้ชีวิตการต้องเจอกับปัญหาและความเหนื่อยก็ดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุดแต่ทุกอย่างเข้ามาก็เพื่อให้คุณเติบโตและมั่นคงกว่าเดิม ซึ่งเราเชื่อว่าคุณเข้าใจข้อนี้ดีแต่ทำอย่างไรได้ในเมื่อใจมันล้าเหลือเกินหลังจากได้ลองมองหา “อิทธิบาท 4” ก็ดูจะเป็นแนวคิดที่เอามาเป็นพื้นฐานในการดำเนินชีวิตได้ดีเริ่มจากให้พอใจกับสิ่งที่มีเพื่อลดความทุกข์ร้อนในใจก่อน

 

 

 

แล้วถ้าคุณอยากได้อะไรก็ให้ได้มาจากความพยายามของตัวเอง และไม่ว่าจะท้อแท้เหนื่อยขนาดไหนก็ให้อดทนเข้าไว้มีสมาธิกับเป้าหมายให้มาก และสุดท้ายคุณต้องมีเหตุผลที่ดีเป็นพื้นฐานในทุกการกระทำ ถ้าคุณมีฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา ครบอย่างที่เราเล่ามาเชื่อว่าหลาย ๆ Goal ในชีวิตคุณจะถูกขีดออกและแทนที่ด้วยคำว่า Success แน่นอน

 

ทุกข์เป็นก็ดับเป็นด้วยอริยสัจ 4

นี่น่าจะเป็นหลักคำสอนที่คุ้นหูพวกเรามากที่สุดบทหนึ่งซึ่งเหตุผลที่ยกมาก็เพราะรู้ว่าทุกวันนี้ความเครียดมันเล่นงานพวกเราหนักแค่ไหนแต่มันมีทางเดียวคือเราต้องเอาชนะมันให้ได้ซึ่งถ้าเราปัดความเครียดทิ้งได้ก็เทียบได้กับเราไม่มีทุกข์แล้วนั่นเอง

 


หลักนี้เป็นแนวคิดสำคัญที่จะพาพวกเราไป “ดับทุกข์” เริ่มต้นง่าย ๆ จากเข้าใจทุกข์ก่อนว่าทุกปัญหาที่เราเครียด กังวล เศร้า ก็เป็นความทุกข์ทั้งนั้น ระบุประเภทให้ชัดเจน จากนั้นไปต่อกันด้วยการคิดให้รอบด้านว่าแล้วทุกข์ที่เจออยู่เนี่ยมันเกิดมาจากอะไร จากนั้นพอรู้ต้นสายแล้วก็กำจัดปลายเหตุของมันออกไป หลายคนต้องบอกว่าพูดง่ายเชียว แต่ถ้าคุณมีอะไรที่ไม่ดีการตัดออกไปก็ดูจะเป็นสิ่งที่เหมาะที่สุดซึ่งมันเพียงต้องใช้ความพยายามเท่านั้นเอง และถ้าไม่อยากเกิดทุกข์บ่อย ๆ การใช้ชีวิตอย่างมีสตินี่แหละมีส่วนสำคัญในเรื่องนี้ในลำดับต้น ๆ เลยทีเดียว

 

ถ้าคุณกำลังเจอปัญหารุมเร้าการหยุดนิ่งแล้วหายใจเข้าออกลึก ๆ สักพักแล้วใช้ความพยายามทั้งหมดที่มีเคลียสมองให้โล่งที่สุดเป็นอีกวิธีฉุกเฉินที่เราอยากให้คุณมีติดตัวกันไว้ แม้ว่าจะยากแต่ถ้าฝึกฝนบ่อย ๆ ก็บอกเลยว่าคุณจะคุ้นเคยมากขึ้นและถ้ามีช่วงเวลามากพอเวลาเจอเหตุการณ์อะไรที่จำเป็นต้องเตือนสติตัวเองก็ให้ท่องคำสอนที่เราหยิบมาแชร์กันในวันนี้ให้มั่นแล้วค่อย ๆ คิดตามเราเชื่อว่าคุณจะผ่านมันไปได้แบบฉลุยอย่างแน่นอน