คุณต้องการ Perfume, Cologne หรือ Toilette กันแน่
- 15 กรกฏาคม 2563
- 30,527
น้ำหอม น่าจะเป็นสิ่งที่หลายคนฉีดเพิ่มเสน่ห์เติมความมั่นใจกันอยู่บ่อย ๆ แต่พอว่าง ๆ มานั่งอ่านดูหน้าขวดทำไมมันมีทั้งคำว่า Perfume, Cologne แล้วก็ Toilette กันเนี่ย แต่ละตัวมันต่างกันยังไง แบบไหนจะเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณมากที่สุด วันนี้เรามาเจาะลึกทำความรู้จักกันดีกว่า
หลัก ๆ คือทั้ง 3 แบบต่างกันที่ความเข้มข้น คะแนนนำในเรื่องของความเข้มข้นคือ Perfume ตามมาด้วย Toilette ปิดท้ายที่ Cologne และความติดทนก็จะไล่ลับดับตามความเข้มข้นเหมือนกันอย่างถ้าจัดเต็มฉีด Perfume กันไปเลยความติดทนจะอยู่ที่ประมาณ 8 ชั่วโมงตามมาด้วย Toilette ประมาณ 4 ชั่วโมง และ Cologne ติดทนอยู่ประมาณ 2 ชั่วโมง
ถ้าวันไหนคุณต้องออกไปลุยทั้งวันตั้งแต่เช้าก็จัดเต็มฉีด Perfume กันไปเลยแต่ถ้าอยากเดินเล่นเบา ๆ ก็ Toilette และถ้าอยู่บ้านหรือแค่ออกไปทำธุระนิดหน่อยแต่ผู้ชายสไตล์เราก็ต้องเนื้อหอมกันไว้ก่อนก็แนะนำให้จัด Cologne กันได้เลย
ราคาก็ทำให้คุณเห็นถึงความแตกต่าง แน่นอนว่าในทั้ง 3 ประเภท Perfume มักจะมีราคาสูงที่สุดเพราะความเข้มข้นและความติดทนของมันนั่นเองหลาย ๆ แบรนด์อย่าง Chanel ก็จะมีกลิ่นเดียวกันแต่แบ่งประเภทออกมาเป็นทั้ง Perfume และ Toilette ให้คุณได้เลือกตามไลฟ์สไตล์ความติดทนที่คุณต้องการนั่นเอง
ใครเหมาะกับอะไรมากกว่ากัน Perfume เหมาะกับคนที่มีผิวแพ้ง่ายเพราะว่าตัวนี้จะมาพร้อมปริมาณหัวน้ำหอมผสมอยู่ 20 - 30% ทำให้กลิ่นอยู่นาน 6 - 8 ชั่วโมง ราคาจึงสูงที่สุดในกลุ่ม - EAU DE Parfum มีหัวน้ำหอมผสมอยู่ 15 – 20% และแอลกอฮอล์น้อยกว่าแบบอื่น ๆ ใช้แล้วจะไม่ทำให้ผิวของคุณแห้งมีชื่อเต็ม ๆ ว่า Eau de Parfum ย่อกันอีกว่า EDP จะเป็นคำที่จำได้ง่ายขึ้นดีเหมือนกัน
Toilette ตัวนี้จริง ๆ มีชื่อเต็ม ๆ ว่า Eau de Toilette เรียกกันสั้น ๆ ว่า EDT ตัวนี้จริง ๆ ก็เป็นตัวเลือกที่หลาย ๆ คนเลือกใช้ไม่น้อยกว่า Perfume เลยทีเดียวเหมาะกับคนที่ไม่ชอบกลิ่นแรงมาก ๆ มีหัวน้ำหอมผสมอยู่ 5 - 15% ต้องการเพิ่มกลิ่นหอมอ่อน ๆ ติดทนแบบกำลังพอดี
คำว่า Eau de Toilette มาจากภาษาฝรั่งเศส "faire sa Toilette" แปลว่า การเตรียมพร้อม นี่คือน้ำหอมประเภทที่คุณน่าจะพกติดตัวไว้ ถ้าคุณต้องลุยก็ฉีดได้ทันที กลิ่นจะไม่แรงไป ไม่ติดนานเกินไป เหมาะกับการนัดพบปะพูดคุย ทานข้าว และเอาไว้แก้สถานการณ์ฉุกเฉินถ้าคุณบังเอิญต้องการตัวหอมกะทันหัน
ปิดท้ายที่ Cologne หรือ Eau de Cologne หรือจะเรียกว่า EDC ก็ได้ตามสะดวกตัวนี้เหมาะกับใครบ้างก็บอกเลยว่าคนที่แค่อยากมีกลิ่นอ่อน ๆ ติดตัวพอให้ลมพัดแล้วมีเสน่ห์เบา ๆ เพราะความเข้มข้นมาประมาณ 2% - 4% เท่านั้นถ้าใครผิวแห้งหรือแพ้ง่ายอาจต้องระวังเพราะตัวนี้จะมีปริมาณแอลกอฮอล์มากกว่าตัวอื่นอยู่พอสมควร
อีกตัวที่ไม่ค่อยจะเห็นมากเท่าไรคือ EAU FRAICNE ที่จะมีหัวน้ำหอมเป็นส่วนผสมอยู่เพียง 1 - 3%
ทั้งหมดคือความเข้มข้นของส่วนผสมหัวน้ำหอม ซึ่งแต่ละกลิ่นก็จะมีกลิ่นที่แรงมากน้อยแตกต่างกันไปบางทีไม่เกี่ยวกับความเข้มข้น การเลือกซื้อควรจะเลือกกับกลิ่นที่ชอบตามมาด้วยการใช้งานที่อยากให้ติดยาวนานแค่ไหน และรวมถึงราคาด้วย
แนะนำว่าไม่ว่าคุณจะเลือกฉีดแบบไหนให้ฉีดตามจุดอย่างต้นคอหน้าอกข้อมือข้อพับเสื้อผ้า (เสื้อผ้าควรฉีดไกล ๆ ให้พอเป็นละอองโดน) เส้นผมเพื่อความติดทนนาน แต่ขอให้ระวังเรื่องความหอมที่อาจจะฉุนจนเกินไปจะกลายจากน้ำหอมไปเป็นสิ่งที่ทำให้คนรอบๆ เวียนหัวได้ ถ้าฉีดแบบที่เข้มข้นมากอาจจะฉีดใส่ข้อมือแล้วค่อยมาแตะที่ต้นคอ เพื่อลดความแรงของกลิ่น ให้กำลังละมุนพอดี ๆ จะเวิร์คที่สุด