JAMES DEAN

BY Staff3

  • 21 พฤศจิกายน 2559
  • 13,714

 

เชื่อว่าคงไม่มีผู้ชายคนไหนที่ไม่เคยได้ยินชื่อนี้ ด้วยความเท่ ดิบ ขบถและลุคขวางโลกของเขา ที่ทำให้ผู้ชายทั่วโลก ทุกยุคสมัย ต่างยกให้เขาเป็น "สไตล์ไอคอน" อมตะตลอดกาล เพราะจะด้วยบุคลิคเด็กมีปัญหา การไม่ยอมอยู่ในกฏเกณฑ์ และความแบดบอยของเขา เมื่อมันมารวมกันอยู่ในตัวของ เจมส์ ดีน แล้วนั้น ทำให้เขากลายเป็นลุคในอุดมคติของความเป็น "ลูกผู้ชายจริงๆ" รวมถึงเป็นที่ใฝ่ฝันของหญิงสาวเกือบทุกคนในสมัยนั้น (ลองไปถามคนที่เกิดในยุคเดียวกับ ดีน ดูนะครับ แล้วจะทราบว่าทำไมเราถึงดูอวยเขาขนาดนี้)

 

 

 

James Dean ที่เราเรียกๆ กันอยู่นั้น ชื่อเต็มของเขาคือ "James Byron Dean" เกิดเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1931 ที่เมือง แมริออนในรัฐอินเดียน่า และได้เสียชีวิตด้วยวัย 24 ปี ในวันที่ 30 กันยายน ค.ศ. 1955 ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์โดยได้ขับรถ Posche 550 spider เสียหลักชนเข้ากับ Ford Custom Tudor ที่วิ่งสวนเข้ามา และเสียชีวิตลงในเวลาต่อมา

 

 

 

 

อย่างที่รู้กันดีว่า เจมส์ ดีน นั้นเป็นนักแสดงชาวอเมริกันคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในการแสดงพอสมควรเลยทีเดียว โดยภาพยนตร์ที่ เจมส์ ดีน ได้แสดงนำนั้นคือ "East of Eden" "Rebel Without a Cause" และ "Giant" โดยทั้งสามเรื่องที่กล่าวมานั้นประสบความสำเร็จมากในระดับหนึ่ง โดยไม่ว่าจะเป็นหนังเรื่อง "East of Eden" ในบท คาล "Rebel Without a Cause" ในบท จิมมี่ และในเรื่อง "Giant" ในบท เจ็ท ลิงค์

 

 

ทั้งสามบทในสามภาพยนตร์ที่ เจมส์ ดีน ได้รับนั้นออกมาในแนวทางใกล้เคียงกันคือ เป็นคนหัวรั้น ดื้อ มีปัญหา และปฎิเสธต่อกฎเกณฑ์ทางสังคมในสมัยนั้น ซึ่งตัวของ เจมส์ ดีน เองก็มีนิสัยเช่นนั้นอยู่แล้วในชีวิตจริง จึงไม่น่าแปลกใจนักที่เขาสามารถแสดงออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ

 

 

และแน่นอนว่าเมื่อหนังได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ไปแล้ว เจมส์ ดีน ก็เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง และได้รับฉายาว่า ดาราอารมณ์บูด อยู่เล็กๆ ด้วยท่าทางหน้านิ่วคิ้วขมวด ดูอารมณ์เสียตลอดเวลา ดูหัวรั้นไม่ยอมคน แต่เมื่อบวกกับความหล่อของเขาแล้ว ทำให้หน้าตาของ เจมส์ ดีน ให้ความรู้สึกถึงคำว่า "แบดบอย" ได้อย่างไม่มีข้อกังขา หากคุณเคยได้ยินประโยคคลาสสิคอย่าง "Dream as if you'll live forever. Live as if you'll die today." หรือ "Only the gentle are ever really strong." ประโยคเหล่านี้ก็ออกมาจากปากของ เจมส์ ดีน เช่นกัน แค่คำพูดก็ดูเท่แล้วจริงๆ

 

 

เจมส์ ดีน ได้กลายเป็นไอคอนที่ผู้ชายทั่วโลกต่างยกยอให้เป็นสัญลักษณ์ของความเป็น "ลูกผู้ชายอย่างแท้จริง" เพราะ ดีน เป็นคนที่มีนิสัย "หัวขบถ" มาแต่เกิดแล้ว จึงมักจะทำอะไรที่ตนอยากทำเสมอ ถ้าสิ่งที่จะทำไม่ได้เป็นเรื่องที่ผิด โดยไม่ได้สนใจต่อกฏเกณฑ์ที่สังคมตีกรอบไว้แต่อย่างใด ซึ่งสิ่งนี้แหละที่ทำให้ผู้คนทั่วโลกต่างชื่นชอบในตัวเขา เพราะคนที่เป็นลูกผู้ชายจริงๆ นั้นต้องมีความคิดเห็นเป็นของตนเอง และยิ่งกิจกรรมที่ ดีน ชอบทำนั้นก็อย่างที่รู้กันว่าในเวลาว่าง เจมส์ ดีน มักจะคีบบุหรี่อยู่ในมือแทบจะตลอดเวลา

 

 

แต่ก็นั่นแหละนะ  นอกจากสูบบุหรี่ ดีน มักจะขี่มอเตอร์ไซค์ ไปไหนมาไหนเสมอๆ หรือการแข่งรถ ก็เป็นสิ่งที่ เจมส์ ดีนโปรดปรานเช่นกัน โดยทั้งสองสิ่งที่กล่าวมานั้นเป็นสิ่งที่ค่อนข้างผาดโผน และอันตราย คนที่รักและชื่นชอบในสิ่งเหล่านี้แน่นอนว่าก็ต้องเป็นคนที่ใจถึงและ ไม่กลัวต่อสิ่งอันตราย ง่ายๆ (หรือเรียกง่ายๆ ว่าชอบทำอะไรเสี่ยงๆ เพื่อสนองความสุขนั่นแหละ) โดย ดีน เองก็ทำกิจกรรมอื่นๆ ทางด้านศิลปะด้วยเช่นกัน อย่างการทำสคัลป์เจอร์ (Sculpture) หรืองานปั้น ที่ทำขึ้นมาด้วยตัวเอง และการถ่ายรูปก็เป็นอีกหนึ่งในงานอดิเรกของเขาด้วยเช่นกัน

 

 

โดยเรื่องของมอเตอร์ไซค์ และรถยนต์ที่ เจมส์ ดีน ใช้คือ "Triumph Tiger T110" จากนั้นจึงเปลี่ยนเป็น "Triumph TR5 Trophy" และใช้รถยนต์ "Porsche Super Speedster" จากนั้นได้เปลี่ยนเป็น "Porsche 550 Spyder" ด้วยเหตุผลว่า Spyder นั้นทรงพลังและเร็วกว่า Speedster และได้ทำการตั้งชื่อให้ Porsche คันนั้นว่า "Little Bastard" อีกด้วย จะเห็นได้ว่า เจมส์ ดีน นั้นชื่นชอบในความเร็ว จนถึงขนาดที่เปลี่ยนรถเพื่อเพิ่มความเร็ว คนที่จะทำแบบนี้ได้เราคิดว่าต้องเป็นคนที่ใจถึง และรักในความเร็วจริงๆ

 

 

มีอีกสิ่งหนึ่งในตัวของ เจมส์ ดีน ที่ผู้คนให้ความสนใจไม่แพ้เรื่องของนิสัย ก็คือเรื่องของ "สไตล์" นั่นเอง

แน่นอนว่า เจมส์ ดีน ไม่ใช่ผู้ชายเจ้าสำอาง ออกจะไปทางลุยๆ บุกๆ เสียด้วยซ้ำ อย่างการไปขับมอเตอร์ไซค์จะให้แต่งตัวแบบเสื้อเชิ้ตผูกไทด์ ก็คงจะไม่เหมาะสมกัน ซึ่งสไตล์จากแต่งตัวของ เจมส์ ดีน เราขอเรียกว่าเป็นแบบ "พื้นฐานของผู้ชาย" ก็แล้วกัน แต่เมื่ออยู่ในบุคลิคของผู้ชายอย่าง เจมส์ ดีน มันกลับดูดีได้อย่างน่าประหลาด เพราะเพียงแค่ เสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์ปกติ ในหนังเรื่อง "Rebel Without a Cause" ก็ทำให้ ดีน ดูโดดเด่นขึ้นมาจากทุกคนในเรื่องเลยทีเดียว

 

 

 

และการที่ เจมส์ ดีน ในชีวิตจริงชอบแต่งตัวไปในโทนสีดำนั้น เป็นสิ่งที่แปลกแยกจากสิ่งที่สังคมตีกรอบไว้ค่อนข้างมาก เนื่องจากสภาพสังคมและการแต่งตัวในสมัย 50's ไม่นิยมให้แต่งตัวในโทนสีดำทั้งตัว ทำให้การที่ เจมส์ ดีน จะทำในเรื่องเช่นนี้ได้โดยเป็นธรรมชาติและบ่อยครั้ง ต้องเป็นคนที่ค่อนข้างมั่นใจความคิดตนเอง และไม่สนใจต่อสิ่งที่สังคมตีกรอบไว้พอสมควร (การทำอะไรผิดแปลกจากสังคมในสมัยนั้นถูกมองว่าเป็นเรื่องที่ประหลาดมาก

ดังนั้นคนที่กล้าที่จะแหกกฎต้องมีความกล้ามากพอสมควรเลยทีเดียว) จากตอนต้นที่พูดไว้ว่า เจมส์ ดีน นั้นเกิดที่รัฐอินเดียน่าทำให้เค้านั้นได้รับวัฒนธรรมของความเป็นคาวบอยมาอยู่เล็กๆ ซึ่งทำให้มีผลต่อความคิดและการแต่งตัวด้วยเช่นกัน เรามักจะเห็นภาพของดีนที่แต่งตัวออกไปทาง western มาบ้าง จะด้วยการแมทช์กางเกงยีนส์กับเสื้อเชิ้ตแบบ western หรือการสวมเสื้อยืดกางเกงยีนส์กับบู๊ทคาวบอย แต่ไม่ว่าจะด้วยลุคไหนก็ให้ความรู้สึกถึงความเป็นแมนซะจริงๆ

 

 

 

และอีกเรื่องหนึ่งที่ทุกคนที่ชื่นชอบ เจมส์ ดีน คงจะรู้อยู่แล้วคือ เจมส์ ดีน นั้นใส่รองเท้าผ้าใบ "Converse Jack Purcell" สีขาวล้วน ใช่ครับเขาใส่จริงๆ แต่ทราบกันรึเปล่าว่าในยุคสมัย 50's นั้น ผู้ชายทั่วๆ ไป นั้นมักจะใส่รองเท้าหนังกันเป็นหลัก เพราะด้วยสภาพการแต่งตัวที่ต้องสวมสูทหรือเชิ้ตอยู่ตลอดเวลา ทำให้การที่จะสวมรองเท้าผ้าใบออกนอกบ้านได้อย่าง เจมส์ ดีน นั้นต้องมั่นใจและแน่วแน่ในตัวเองมากเลยทีเดียว จะสังเกตได้ว่า อะไรๆ ก็ดูแปลกแยกจากคนอื่น แต่เมื่อมันมารวมอยู่ในตัวของ เจมส์ ดีน มันกลับดูมีเสน่ห์ได้อย่างน่าประหลาด

 

 

แน่นอนว่าเรื่องของความรั้น หัวขบถ ของ เจมส์ ดีน นั้นไม่ได้เป็นเรื่องที่ถูกต้องแต่อย่างใด แต่การที่มีความคิดและความเป็นตัวเองนั้นทำให้ เจมส์ ดีน แตกต่างไปจากคนทั่วๆ ไปในสมัยสังคม ดังนั้นถ้าคุณรักและชื่นชอบในตัวของ เจมส์ ดีน แล้วนั้น คุณควรที่จะมีความคิดเห็นเป็นของตนเอง และทำในสิ่งที่คิดว่ามันถูกต้อง อย่างที่ลูกผู้ชายควรจะทำ เพราะบางครั้งการทำตามกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่สังคมกำหนดไว้ ก็ไม่ได้หมายความว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกต้องไปซะทีเดียว (และเราคิดว่านอกจากสไตล์สุดเท่ของเขาแล้ว ก็เพราะความรั้น ความขบถ ของ ดีน นี้แหละที่ทำให้เหล่าผู้ชายทั่วโลกต่างยกย่องให้เขาเป็น สไตล์ไอคอน ชนิดอมตะตลอดกาลของพวกเขา)

 

"NOW YOU KNOW JAMES DEAN"