Saint Laurent

จะมีสถานที่ใดที่สามารถแสดงถึงจุดกำเนิดของห้องเสื้อระดับตำนาน อีฟส์ แซงต์ โลรองต์  (Yves Saint Laurent) ได้ดีไปกว่าปารีส และหนึ่งในสัญลักษณ์ของปารีสที่ทำให้ผู้คนทั่วโลกจดจำได้ก็คือ หอไอเฟล

คอลเลคชั่นนี้ แอนโธนี วัคคาเรลโล (Anthony Vaccarello) ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ของแซงต์ โลรองต์ (Saint Laurent) กล่าวว่าเขาต้องการจะเล่าเรื่องราวความเป็น Saint Laurent และปารีส ซึ่งทำให้ไม่มีที่ไหนจะเหมาะสมไปกว่าหอไอเฟลในการใช้เป็นสถานที่จัดแสดงโชว์เพื่อเล่าถึงคอลเลคชั่นฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน 2018 ในครั้งนี้อีกแล้ว

 

 

 

จากน้ำพุแห่งทรอกาเดโร (Trocadero) จุดชมวิวที่สามารถเห็นหอไอเฟลในมุมที่สวยที่สุด ด้านล่างถูกเนรมิตให้เป็นรันเวย์กลางแจ้ง โดยมีฉากหลังเป็นหอไอเฟลที่สวยงามโดดเด่นด้วยแสงไฟยามค่ำคืน ที่นั่งของแขกทุกที่นั่งจะมีการ์ดวางไว้ ซึ่งเป็นการ์ดที่พิมพ์ด้วยประโยคที่นำมาจากจดหมายที่ปิแอร์ แบร์เช่ (Pierre Bergé) หนึ่งในผู้ก่อตั้งแบรนด์นี้เขียนถึง Yves Saint Laurent ในปี 2009 หนึ่งปีครึ่งหลังจากการเสียชีวิตของ Yves Saint Laurent และ Pierre Bergé  เองก็เพิ่งจะเสียชีวิตลงก่อนหน้าวันแสดงโชว์เพียงไม่กี่วัน คอลเลคชั่นนี้จึงเหมือนกับการสดุดีสองผู้ก่อตั้งแบรนด์ที่เป็นดังสัญลักษณ์ของ Saint Laurent

 

 

คอลเลคชั่นนี้ Anthony Vaccarello ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ของ Saint Laurent ให้ชื่อคอลเลคชั่นว่า Journey อันเป็นการเดินทางในแบบฉบับ Saint Laurent ที่มีทั้งความเท่ เซ็กซี่ เข้มแข็งและอิสระ เริ่มต้นจากปารีสอันเป็นจุดกำเนิดของแบรนด์ ด้วยเอกลักษณ์ดั้มเดิมของ Yves Saint Laurent อย่างงานตัดเย็บ (tailor) และลายพิมพ์ซึ่งถูกนำมากลับมาสร้างสรรค์ใหม่ให้มีความทันสมัยในแบบปัจจุบัน

 

 

สำหรับเสื้อผ้าผู้ชายคอลเลคชั่นฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน 2018  ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับเสื้อผ้าผู้หญิง ทั้งเสื้อเชิ้ตตัวบางทอลายดิ้นสีทอง เสื้อทูนิคเชิ้ตลายม้าลาย เสื้อเชิ้ตลายดอกไม้ จับคู่กับกางเกงหนัง หนังกลับ หรือยีนส์สีดำ โดดเด่นด้วยแจ็กเก็ตหลากหลายแบบ ทั้งเบลเซอร์แจ็กเก็ตกระดับเลื่อม แจ็กเก็ตสไตล์สปอร์ตประดับด้วยเลื่อมรูปดอกไม้และผีเสื้อ และรองเท้าหนังประดับหมุด

 

 

จะเห็นได้ว่าในคอลเลคชั่นฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน 2018 ในครั้งนี้ Anthony Vaccarello ได้นำเอาความเป็น Yves Saint Laurent แต่ดั้งเดิมที่ให้ความสำคัญกับโครงชุด รายละเอียดในการสร้างสรรค์ การตัดเย็บที่แสดงให้เห็นถึงทักษะเชิงช่างในแบบงานแฟชั่นชั้นสูงกลับมาอีกครั้ง ผสมผสานกับความคิดสร้างสรรค์และความเป็นแฟชั่นในแบบปัจจุบันที่ทันสมัยแต่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ ในแบบ Yves Saint Laurent เช่นเดิม