OMEGA Speedmaster MoonWatch Apollo 8

BY METRO News

  • 22 ตุลาคม 2561
  • 11,060

ย้อนกลับไปทศวรรษที่ 60 ถือเป็นช่วงเวลาที่มีเหตุการณ์สำคัญจนได้รับการจารึกเป็นประวัติศาสตร์โลกมากมาย หนึ่งในนั้นคือโครงการสำรวจดวงจันทร์ อพอลโล ขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือ นาซ่า (NASA) 

 

โดยเฉพาะในปี ค.ศ. 1968 ที่ยานอวกาศสามารถโคจรรอบดวงจันทร์ และปี ค.ศ.1969 เมื่อ นีล อาร์มสตรอง กลายเป็นมนุษย์ผู้เหยียบดวงจันทร์เป็นคนแรก จากความสำเร็จทั้งสองเหตุการณ์นำมาสู่ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์และนาฬิกา OMEGA รุ่นพิเศษในปีนี้

 

 

 

เริ่มต้นกันที่ภาพยนตร์ First Man ถ่ายทอดเรื่องราวภารกิจ อพอลโล 11 ของนาซ่าในการส่งมนุษย์ไปดวงจันทร์ที่เน้นเรื่องของ นีล อาร์มสตรอง มนุษย์คนแรกที่เดินทางไปถึงดวงจันทร์ในช่วงระหว่างปี 1961-1969 โดยดัดแปลงมาจากหนังสืออัตชีวประวัติ First Man: The Life of Neil A. Armstrong ของ เจมส์ อาร์. แฮนเซน (James R. Hansen) ซึ่งเป็นนักเขียนมือฉมังที่เขียนหนังสือเกี่ยวกับอวกาศมาหลายต่อหลายเล่ม 

 

ไม่เพียงหนังจะเผยเรื่องราวการเสียสละของอาร์มสตรองที่มีต่อประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งกำลังเผชิญสงครามเย็นกับประเทศรัสเซียเท่านั้นแต่หนังยังหยิบยกเรื่องราวในชีวิตที่หลายคนไม่เคยรู้มาก่อนไม่ว่าจะเป็นชีวิตส่วนตัวของเขาครอบครัวการฝึกฝนอันหนักหน่วงเพื่อปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จรวมถึงการแบกรับความหวังจากคนทั้งโลกและการเดินทางอันยาวนานที่สุดในชีวิตท่ามกลางอวกาศอันเวิ้งว้าง 

 

 

ที่สำคัญในปี 1964 องค์การนาซ่ายังเริ่มโครงการทดสอบนาฬิกาเพื่อให้นักบินสวมใส่ระหว่างออกปฏิบัติหน้าที่และนาฬิกา OMEGA เป็นเพียงรายเดียวที่ผ่านการทดสอบสุดหินจนได้รับรองว่า “Flight Qualified for all Manned Space Missions” ในวันที่ 1 มีนาคม 1965 ดังนั้นในหนังจึงได้เห็น OMEGA Speedmaster เข้ามามีบทบาทสำคัญตั้งแต่ตอนฝึกฝนและออกปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ

 

โดยปรากฏอยู่บนข้อมือของ นีล อาร์มสตรอง ซึ่งรับบทโดยนักแสดงมากความสามารถ ไรอัน กอสลิง (Ryan Gosling) นอกจากนั้นเขายังสวมใส่ OMEGA CK 2605 ซึ่งเป็นนาฬิกาในชีวิต ประจำวันตั้งแต่ก่อนรับการฝึกเสียอีก หนังเรื่องนี้มีกำหนดเข้าฉายในประเทศไทยวันที่ 18 ตุลาคม

 

แต่ก่อนหน้าที่นีลอาร์มสตรองเหยียบลงบนดวงจันทร์เพียง 1 ปีหรือในปีค.ศ. 1968 ยังเกิดเหตุการณ์สำคัญในภารกิจสำรวจดวงจันทร์ที่มิอาจลืมเช่นกันนั่นคือภารกิจอพอลโล 8 ที่สามารถส่งนักบินอวกาศออกนอกวงโคจรของโลกไปโคจรรอบดวงจันทร์ 10 รอบในเวลา 20 ชั่วโมงและกลับลงมาอย่างปลอดภัย

 

การเดินทางในครั้งนั้นทำให้นักบินอวกาศ 3 คนได้แก่ แฟรงค์ บอร์แมน (Frank Borman) เจมส์ โลเวลล์ (James Lovell) และวิลเลียม แอนเดอร์ส (William Anders) กลายเป็นมนุษย์กลุ่มแรกที่ได้เห็นว่าโลกมีทรงกลมจริง ๆ พร้อมถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์กลับมายังโลกและบันทึกถ่ายภาพ Earthrise กลับมาจนกลายเป็นภาพทรงคุณค่าที่สุด ที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันคือ พวกเขายังเป็นมนุษย์กลุ่มแรกที่มองเห็นดวงจันทร์อีกด้านหนึ่งที่ไม่สามารถมองเห็นจากพื้นผิวโลก

 

จากความสำเร็จของภารกิจอพอลโล 8 จวบจบวันนี้เป็นเวลาครบ 50 ปีพอดี OMEGA จึงนำมาเป็นแรงบันดาลใจในการรังสรรค์นาฬิการุ่นพิเศษ OMEGA Speedmaster Dark Side of the Moon Apollo 8 โดดเด่นด้วยดีไซน์ไม่เหมือนใครกับหน้าปัดที่ถอดแบบพื้นผิวเสมือนกับพื้นผิวของดวงจันทร์ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง โดยด้านหน้าจะใช้เฉดสีอ่อนเป็นตัวแทนของภาพที่เรามองเห็นพื้นผิวดวงจันทร์จากบนผืนโลก ขณะที่ด้านหลังของนาฬิกาใช้เฉดสีเข้มเพื่อเป็นตัวแทนของภาพที่เหล่านักบินอวกาศมองเห็น

 

ทั้งยังตกแต่งกลไกมูนวอทช์ (Moonwatch) เป็นพิเศษทำให้เรามองเห็นความสวยงามของกลไก Calibre 1869 ผ่านหน้าปัดกึ่งสเกเลตันได้อย่างชัดเจนขณะที่สะพานจักรและแท่นเครื่องตกแต่งด้วยการทำให้เป็นสีดำอย่างกลมกลืนไปด้วยกัน 

 

ส่วนตัวเรือนทั้งหมดผลิตขึ้นจากเซอร์โคเนียมออกไซด์เซรามิกสีดำ ตัดด้วยสีเหลืองซึ่งเป็นสีที่ OMEGA เลือกใช้ในคอลเลคชั่นสปีดมาสเตอร์ (Speedmaster) ของตนเป็นครั้งแรกในปี 1968 และรุ่นสปีดมาสเตอร์ เรซิ่ง (Speedmaster Racing) 

 

 

 

ซึ่งรุ่นใหม่นี้นำสีเหลืองมาใช้ทั้งบนรายละเอียดของหน้าปัดเข็มชี้และสายหนังสีดำตัดด้วยสีเหลืองอย่างลงตัวส่วนฝาหลังแกะสลักด้วยข้อความพิเศษว่า 'WE'LL SEE YOU ON THE OTHER SIDE' ที่กล่าวไว้โดยกัปตันจิมโลเวลล์ระหว่างปฏิบัติภารกิจอพอลโล 8 นับเป็นความพิเศษที่หาจากรุ่นอื่นไม่ได้สนนราคา 338,000 บาท

 

ทั้งหมดเป็น 2 เหตุการณ์สำคัญของประวัติศาสตร์โลกที่หวนกลับมาให้เราได้ซึมซับเรื่องราวของการสำรวจดวงจันทร์ผ่านภาพยนตร์และการสวมใส่นาฬิกา OMEGA รุ่นพิเศษกันอีกครั้ง 

 


OMEGA

  • บูติคสาขาเซ็นทรัลเอ็มบาสซี โทร.02-160-5959
  • สาขาสยามพารากอน โทร.02-129-4878
  • สาขาดิ เอ็มโพเรียม โทร.02-664-9550