ปักหมุด 5 สถานที่พักใจริมแม่น้ำเจ้าพระยากรุงเทพฯ

BY Duty editor

  • 20 พฤศจิกายน 2560
  • 8,124

รุงเทพฯ ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองหลวงของประเทศไทย สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวมากที่สุดอันดับหนึ่ง (2017 Global Destination Cities Index) และเป็นเมืองท่องเที่ยวที่คุ้มค่าที่สุดอันดับหนึ่ง (Post Office Travel Money) แต่สำหรับคนไทยเองแล้วอาจจะมองดูแล้วไม่ได้ตื่นเต้นอะไรนัก กับสถานที่เที่ยวระดับโลกที่อยู่ใกล้ๆ ซึ่งอาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่เราคิดกันว่าไปเมื่อไรก็ได้ หรืออาจจะคิดว่าบางแห่งรถติดเดินทางลำบากเสียด้วยซ้ำ 

 

ในครั้งนี้ METRO-SOCIETY จะขอเลือกบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยาส่วนกรุงเทพฯ เป็นตัวช่วยย้ำเตือนว่า ถ้าวันไหนคุณเหนื่อยอยากจะพักผ่อน ก่อนจะวางแผนบินไปไหนไกลลองเอาตัวเลือกเหล่านี้เป็นเป้าหมายเพื่อเติมไฟและรู้จักกรุงเทพฯ ของคุณให้มากยิ่งขึ้น

 

 

วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร

วัดคู่บ้านคู่เมืองในสมัยกรุงธนบุรี ถือเป็นวัดประจำรัชกาลที่ ๒ เป็นวัดที่สร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ได้รับนามว่า "วัดแจ้ง" จากสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชในครั้งการย้ายราชธานีจากกรุงศรีอยุธยามาตั้ง ณ กรุงธนบุรี ถือเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองในสมัยนั้น ซึ่งพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยได้ทรงบูรณปฏิสังขรณ์และพระราชทานนามวัดใหม่ว่า "วัดอรุณราชธาราม" ต่อมาพระบาทสมเด็จจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าให้บูรณะเพิ่มเติมอีก  แล้วทรงเปลี่ยนชื่อเป็น “วัดอรุณราชวราราม” มีความหมายว่า “วัดแห่งรุ่งอรุณ” หรือ “The Temple of Dawn”  ที่ชาวต่างชาติรู้จักกัน

 

 

 

ในบริเวณประกอบไปด้วย พระอุโบสถ, ปรางค์ทิศ, ปราสาททิศ, พระวิหาร, โบสถ์น้อย, วิหารน้อย, หอไตร, หอระฆัง, มณฑปพระพุทธบาทจำลอง, ศาลาท่าน้ำรูปเก๋งจีน, ภูเขาจำลอง และ อนุสาวรีย์พระธรรมเจดีย์  ลักษณะที่โดดเด่นคือพระปรางค์ที่มียอดประดับด้วยนภศูล (อาวุธของพระอินทร์) ส่วนตัวพระปรางค์สร้างและมีรายละเอียดในแบบความเชื่อเรื่องเขาพระสุเมรุ

 

 

ไม่เพียงแต่งานศิลป์ชั้นเอกสมัยต้นรัตนโกสินทร์ทำให้คุณได้สัมผัสด้วยตา แต่ยังความรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของวัฒนธรรมจากอดีตส่งต่อมายังถึงปัจจุบัน นี่เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่เราไม่อยากให้ทุกคนรู้จักเพียงแค่ชื่อหรือเห็นจากด้านหลังของเหรียญสิบบาทเท่านั้น

 

 

Tips : เดินทางได้ด้วย BTS ลงสถานีสะพานตากสินทางออกที่ 2 ต่อด้วยเรือด่วนที่ท่าสาทรไปลงท่าเตียน (15 บาท) และขึ้นเรือข้ามฟากไปยังวัดอรุณฯ (3 บาท) และ ถึงแม้ว่าจะได้ชื่อว่าวัดแห่งอรุณ แต่หลายๆ คนมักแนะนำว่าการถ่ายภาพช่วงพระอาทิตย์ตกยามเย็น ถือเป็นจุดที่ชมพระอาทิตย์ตกสวยที่สุดแห่งนึงของกรุงเทพฯ เลยทีเดียว

 


 

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี 

ประเพณีคือรากเหง้าที่แข็งแรงและสำคัญของคนไทยที่หลายๆ ประเทศต้องอิจฉา ราชประเพณีไทยที่มีมาแต่โบราณสำคัญอย่างหนึ่งก็คือ กระบวนพยุหยาตราชลมารค มีความหมายว่าการสัญจรทางน้ำโดยใช้เรือ เป็นพาหนะในภารกิจของพระเจ้าแผ่นดิน โดยมีหลักฐานปรากฏมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย, สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช, สมัยกรุงธนบุรี, สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ และในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้มีการจัดกระบวนพยุหยาตราชลมารคมาแล้วจำนวน 17 ครั้ง

 

 

 

ซึ่งความงดงามของเรือพระราชพิธีได้เก็บรักษาไว้ที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี ริมคลองบางกอกน้อย เดิมเป็นอู่เรือหลวงตั้งแต่ครั้งรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้ถูกปรับปรุงให้เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเมื่อ พุทธศักราช 2517 จัดแสดงเรือพระที่นั่งสำคัญ 4 ลำ ประกอบด้วยเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9  เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช และเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ พร้อมทั้งเรือรูปสัตว์อีก 4 ลำ ประกอบด้วย  เรือเอกชัยเหินหาว  เรือครุฑเหินเห็จ  เรือกระบี่ปราบเมืองมาร และเรืออสุรวายุภักษ์

 

 

ถือเป็นโอกาสที่นอกจากจะได้เข้าใจประเพณีสำคัญของประเทศชาติแล้วยังได้ใกล้ชิดเพื่อได้เห็นถึงรายละเอียดความวิจิตรบรรจงของช่างฝีมือไทย ที่เป็นการบอกเล่าเรื่องราวในอดีตส่งต่อมายังลูกหลานในปัจจุบัน ตัวอย่างของความพยายามและตั้งใจ สิ่งเหล่านี้อยากให้คุณไปดูไว้ว่านี่คือ สมบัติของชาติเรา นี่คือสมบัติของพวกเราที่มีหน้าที่ต้องรักษาไว้ให้สืบไป

 

 

Tips : การเดินทางอาจจะหายากซักหน่อย แนะนำว่าให้เข้าทางสะพานอรุณอัมรินทร์ ผ่านเข้ามาทางกองเรือเล็ก กรมการขนส่งทหารเรือ ค่าเข้าชม 20 บาท ถ้าต้องการถ่ายภาพเพิ่มอีก 100 บาท

 

 


 

 

วังหลัง

พระราชวังบวรสถานพิมุข หรือ วังหลัง คือ วังของสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระอนุรักษ์เทเวศร์ กรมพระราชวังบวรสถานภิมุข ซึ่งทรงเป็นกรมพระราชวังบวรสถานภิมุขในรัชกาลที่ 1 ย่านการค้าสำคัญของสมัยกรุงธนบุรี วิถีความเป็นอยู่ที่ยังมีมาจนถึงปัจจุบัน จุดรวมของวัฒนธรรมหนึ่งของคนกรุงเทพฯ ซึ่งยังคงเสน่ห์ให้ผู้คนแวะเวียนมาได้ตลอดเวลา สถานที่ที่เหมาะกับการใช้ชีวิตในวันสบายๆ ด้วยการกิน และซื้อของ "ตลาดวังหลัง" จึงเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายที่น่าสนใจ

 

 

ที่นี่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นต้นแบบของสินค้ามือสองสำหรับวัยรุ่นเลยก็ว่าได้ ด้วยเหตุผลที่ว่าราคาน่าสนใจและมีให้เลือกมากมายไม่แพ้ที่ไหนไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ไปจนถึงของระดับแรร์ไอเทมเลยทีเดียว นอกจากนั้นที่เป็นเสน่ห์ไม่แพ้กันคือเรื่องของกินที่มีให้เลือกมากมายให้เลือกตามใจปากกัน สำหรับร้านมีชื่ออาทิ วังหลังเบเกอรี่ที่มีอายุกว่า 38 ปีกับขนมปังไส้ล้นในตำนาน, หมูทอดชาววังเปิดมากว่า 13 ปีมีดีที่ความนุ่มไม่ต้องน้ำจิ้ม, เอแคร์ วังหลัง ตระกานตาไปด้วยกล่องเอแคร์ที่เห็นแล้วต้องหยิบซักกล่อง, หอยทอดตี๋ใหญ่ตำนานกว่า 40 ปี ใหญ่และสดไม่เสียชื่อ ยังมีของอร่อยอีกมากมายที่บอกได้เลยว่าวันเดียวกินไม่ครบ ซึ่งในระแวกนี้ยังมีที่ให้เที่ยวน่าสนใจอย่าง พิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถาน ที่เดินไปได้อย่างไม่เหนื่อยอีกด้วย

 

 

บรรยากาศ ผู้คน ของกิน ของย่านวังหลัง และ ย่านศิริราช เป็นชีวิตที่ไม่หยุดนิ่งอีกที่หนึ่งที่สะท้อนให้เห็นชีวิตความเป็นอยู่ของคนกรุงเทพฯ ได้อย่างชัดเจน ลองหาเวลาแล้วไปเยี่ยมวังหลังโดยไม่ต้องดูเวลา เราเชื่อว่ากว่าจะรู้ตัวอีกทีนอกจากจะอิ่มท้องแล้ว คุณก็จะหลงเสน่ห์ของชีวิตชุมชนแห่งนี้จนอยากกลับมาอีกครั้งแน่นอน 

 

 

Tips: ตลาดวังหลังเปิดทุกวัน เวลาประมาณ 08.00  - 18.00 น. ไม่ควรเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว แนะนำว่าถ้าต้องการหาซื้อของมือสองให้ศึกษาก่อนซื้อ ในช่วงต้นสัปดาห์จะมีของให้เลือกเยอะซักหน่อย 

 

 


 

 

ท่าพระอาทิตย์

 

ที่ที่กาลเวลาจากอดีตและปัจจุบันมาพบกันได้อย่างลงตัว สำหรับที่แห่งนี้ในครั้งนี้จะแนะนำเป็นช่วงเย็นถึงค่ำกับบรรยากาศชิลๆ ของกรุงเทพฯ ในวันหยุด จุดน่าสนใจเริ่มต้นที่สวนสันติชัยปราการ สวนสาธารณะขนาด 8 ไร่ ติดแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นสวนสาธารณะของกรุงเทพมหานครเพียง 1 ใน 2 แห่ง ที่สร้างขึ้นในแบบ Waterfront park สร้างขึ้นเนื่องในมหามงคลสมัย เฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2542 โดยภายในบริเวณสวนมี พระที่นั่งสันติชัยปราการ ที่มีตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติประดับไว้ และท่ารับเสด็จขึ้นลงเรือพระที่นั่ง มีป้อมพระสุเมรุ เป็นป้อมปราการที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 ตั้งเด่นสง่าอยู่ตรงหัวโค้ง บรรยากาศร่มรื่นเหมาะกับการชื่นชมความเป็นกรุงเทพฯ ได้อย่างดี ในบริเวณได้มีการปลูกต้นลำพู ซึ่งในสมัยก่อนได้มีอยู่มากมายจนเป็นที่มาของชื่อย่าน บางลำพู

 

 

ถ้าหากหิวในแถวนี้จะมีของอร่อยชื่อดังอย่าง ถั่วทอดชื่อดังที่อาจจะต้องรอสักหน่อย, ร้านขนมเบื้องสูตรโบราณ แม่ประภา หรือ ข้าวตังทรงเครื่องแม่ขิต ที่ขายมากว่า 70 ปี ตกค่ำบรรยากาศในย่านนี้จะเปลี่ยนไปจากตอนกลางวัน ร้านที่มีเสน่ห์มากมายซ่อนตัวอยู่ในย่านนี้อย่างน่าตื่นเต้น ซึ่งทุกร้านล้วนแต่มีเอกลักษณ์ของตัวเองอย่างโดดเด่น ร้านแนะนำคือ 'Sheepshank' ที่นำเอาท่าเรือเก่าๆ มาเปลี่ยนเป็นร้านมีสไตล์และได้บรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยา หรือ ร้านเด็ดอย่างร้าน 'ราบ' ค๊อกเทลบาร์ที่มีรายละเอียดของความเป็นไทยอย่างน่าชื่นชม

 

 

ในทุกเย็นของวันที่เร่งรีบ ความวุ่นวายของจราจร จริงแล้วคนกรุงเทพฯ ยังมีสวนสาธารณะให้คุณได้หยุดพัก หรือร้านที่ซ่อนตัวให้คุณได้เข้าไปหลบซ่อนอยู่ เข้าไปพักแล้วค่อยกลับบ้านก็อาจจะเป็นไอเดียที่ทำให้วันพรุ่งนี้คุณมีแรงสู้ต่อไป

 

 

Tips: แนะนำให้ปิดเสียงโทรศัพท์ และหยุดโปรแกรมโซเชี่ยล

 

 


 

 

หอชมเมืองกรุงเทพมหานคร

 

ถึงแม้โครงการยังไม่เสร็จ แต่ขอปักหมุดไว้ก่อนกับหอชมเมืองกรุงเทพมหานคร ที่ตั้งอยู่บริเวณ เจริญนคร โครงการที่จะเป็นจุดหมายปลายทางใหม่ของการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของฝั่งกรุงธนบุรี ด้วยประวัติศาสตร์ย่านธนบุรีและคลองสานที่มีความสำคัญมาแต่โบราณ เพราะเคยเป็นจุดที่ตั้งของ ป้อมป้องปัจจมิตรที่มีเสาธงสัญญาณเพื่อแจ้งเรือ มรดกทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ อันจะเป็นโครงการที่เติมเต็มความครบครันของทุกมิติ และจะยกระดับความสำคัญของแม่น้ำเจ้าพระยาให้เป็น กลายเป็น Next Global Destination ที่จะดึงดูดให้คนทั้งโลกปรารถนามาเยี่ยมชม

 

 

 

เมื่อเรามีสิ่งปลูกสร้างมากมายจากอดีตแล้วนั้น หากจะไม่มีสิ่งปลูกสร้างที่สื่อถึงอนาคต การส่งต่อของวัฒนธรรมที่สร้างกันมาอาจจะไม่มีความสำคัญก็เป็นได้ หลายคนคงได้ไปเที่ยวหอชมเมืองของต่างประเทศมากันแล้ว ในอนาคตอันใกล้เราก็จะมีอีกหนึ่งความภูมิใจที่เป็นของคนยุคเรากันเอง อย่างน้อยในเร็วๆ นี้กรุงเทพฯ ก็จะมีอะไรใหม่ให้คุณได้ตื่นเต้นเมื่อคิดไม่ออกว่าจะไปไหนดี

 

 

Tips : อดใจรอสักนิด 

 

 


 

พียงตัวอย่างของ 5 สถานที่ในจุดเดียวของริมแม่น้ำเจ้าพระยา ส่วนของกรุงเทพฯ เท่านั้น เพื่อเป็นสิ่งเตือนใจว่าเวลาใดที่คุณต้องการ "ท่องเที่ยว" ความหมายไม่จำเป็นต้องไปไกลถึงต่างประเทศเพียงอย่างเดียว ลองค้นหาเสน่ห์ของเมืองหลวงแห่งนี้ ด้วยการท่องเที่ยวแบบไม่ต้องแพคเสื้อผ้า แค่คว้ากล้องคู่ใจ แล้วเอาใจไปรู้จักกับจังหวัดที่มีชื่อว่า 'กรุงเทพมหานคร' กันครับ

 

  

 

 

 Sponsored Content